หัวอกน้องชาย เมื่อรู้ว่าพี่สาวเป็น sideline ขายตัว


    ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนเลยนะครับว่าชื่อและอีเมล์ที่ผมใช้เป็นของใช้ชั่วคราวเพื่อที่จะได้เล่าเรื่องทีเ่กิดขึ้นกับครอบครัวของผมเอง








    ผมอายุ 21 ปีเรียนอยู่ต่างจังหวัดตอนนี้อยู่ปี 3 แล้วและผมมีพี่สาวอีกคนอายุ 27 พี่สาวเข้ามาทำงานกทมนานแล้วเป็นแคชเชียร์ขายของตามห้างหรูแห่งหนึ่ง ได้ยินว่าเธอเป็นพริตตี้ด้วยคือเธอเป็นคนหุ่นดีหน้าตาธรรมดาหรืออาจจะน่ารักก็ได้คือผมเห็นกันมาแต่เกิดเลยดูไม่ออกว่าหน้าตาพี่สาวเป็นยังไงเอาเป็นว่าผิวขาวหุ่นดีหน้าใสไร้สิว เวลากลับบ้านเธอจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแพงๆ พ่อแม่ญาติๆก็ถามว่าเอาเงินมาจากไหนเธอก็บอกว่าเธอรับจ๊อบเป็นพริตตี้เชียร์ขายสินค้าออกบูธได้งานละ 1500-3000 แล้วแต่งาน
ทางบ้านก็ไม่ได้คิดอะไรมากแต่แรกๆ พ่อแม่ก็ไม่พอใจเท่าไหร่เพราะเขาไม่เข้าใจอาชีพพริตตี้

    เรื่องมันมีอยู่ว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมมาเยี่ยมเพื่อนที่กทม คือมีเพื่อนหลายคนเข้ามาเรียนต่อที่กทมและก็มาเยี่ยมพี่สาวด้วย แต่ผมพักกับเพื่อนนะครับไปกินเหล้ากันแถว RCA ถึงตี 2 เพื่อนมันบอกเดี๋ยวพาไปทัวร์โรงแรมสยามเคยได้ยินเปล่า มันถามผม ผมบอกเลยว่าผมไม่เคยได้ยินมันคืออะไร มันเลยอาสาเรียกแทกซี่และพาไป โอ้วววว มีแต่คนสวยๆผ่านไปรอบนึงผมอึ้งเลยว่ามีแบบนี้ด้วยเหรอมีแต่คนดูดีๆ เพื่อนบอกว่าเดี๋ยวขอวนอีกรอบ ผมก็โอเคคือมันเพลินมากใครเคยไปแถวนั้นคงรู้ แต่รอบสองนี่แหละผมสะอึก โชคดีเพื่อนผมมันไม่รู้จักพี่สาวผมคือผมมั่นใจเลยผมเห็นพี่สาวผมมาเคาะกระจกเรียกลูกค้าเพื่อนผมนั่งข้างคนขับยังได้พูดคุยต่อรองราคา เสียงก็เสียงพี่สาวผมแน่นอนมั่นใจแต่ผมนั่งที่นั่งข้างหลังกับเพื่อนอีก 3 คนผมก็หลบหน้าแต่ก็แอบๆมองเพื่อนผมคุยกับพี่สาวนานมากเพราะพี่สาวผมเขามีเพื่อนในกลุ่มอีก 4 คนพอดีเขาเสนอว่าถ้าไปด้วยกันทั้งหมดลดให้เหลือคนละ 1200 จากราคา 1700 แต่ความจริงล้วพวกผมไม่มีเงินหรอกแค่พามาดูขำๆเฉยๆ ผมโมโหมากๆจนเพื่อนถามว่าทำไมเงียบ อยากเอาหละสิ มันบอกว่าคราวหน้าเราพกเงินกันมาด้วยจะได้ลองไปดูเพราะมันก็ไม่เคยไปเหมือนกัน 

    ผมจะทำไงดีผมไม่อยากให้พี่สาวไปทำอย่างนั้นแต่ก็ไม่กล้าไปบอกเธอว่าผมรู้ไม่กล้าบอกพ่อแม่กลัวพ่อแม่จะเสียใจเพราะทั้งผมทั้งพี่สาว ก็ไม่รู้ไปทำอะไรกันที่ตรงนั้น เรื่องอย่างนี้ใครไม่เจอกับตัวคงไม่รู้ว่ามันอึดอัดแค่ไหน ผมอยากหนีไปไกลๆไม่อยากยุ่งกับพี่สาวไม่อยากนึกถึงเธอ


------------------------------------------------------------------------------------------------------ 
ที่มา :  http://www.saboojaii.com/forum/index.php?topic=259.0

แสดงความคิดเห็น

4 ความคิดเห็น

  1. ไม่ระบุชื่อ11/1/57 13:20

    น่าเห็นใจ ชีวิตต้องสูต่อไป

    ตอบลบ
  2. หนูพึ่งอยู่ปี 1 งั้นหนูเรียกว่าพี่น้า จะบอกว่าหนูเข้าใจพี่คงโกหก เพราะ หนูไม่ได้ยืนอยู่ตรงที่พี่ยืน แต่ถ้าพี่สาวหนูทำแบบพี่สาวพี่หนูจะคุยกับเค้าดีๆ จะถามว่า"ทำไมต้องทำแบบนั้น มีปัญหาอะไรรึเปล่า เรื่องเงินหรอ? พี่บอกหนูได้นะ ถึงหนูจะช่วยได้ไม่ได้ ก็ไม่อยากให้พี่เก็บไว้คนเดียว ถึงไงเราก็พี่น้องกัน หนูไม่รังเกียจพี่หรอก หนูมีพี่สาวแค่คนเดียว แต่ถ้าพี่อยากจะเลิกทำ หนูจะคุยกับพ่อแม่ให้ว่าพี่เงินไม่พอใช้(เราคิดว่าเรื่องเงินเป็นประเด็นจูงใจ) แต่ถ้าพี่ยังไม่อยากเลิกทำ หนูจะประหยัดๆแม่จะได้ไม่ต้องให้เงินหนูมาก และหนูก็จะรอจนกว่าพี่จะเลิก ยังไงเราก็พี่น้องกัน"

    หนูไม่รู้หรอกว่าพี่คิดยังไงกับอาชีพนี้ แต่หนูเฉยๆเพราะหนูคิดว่าเป็นอาชีพสุจริต แต่ถ้าเป็นพี่สาวหนูทำหนูก็ไม่อยากให้ทำเหมือนกัน แต่ถึงยังไงพี่สาวหนูก็โตกว่าหนูมาก ถ้าเค้าไม่อยากเลิกคงทำอะไรไม่ได้ แต่หนูคงไม่อายที่พี่สาวหนูทำอาชีพนี้ และหนูจะไม่คิดรังเกียจพี่หนูเลย แต่ทางเลือกสุดท้ายที่จะทำคือ หนูจะไม่มีทางบอกพ่อกับแม่เรื่องนี้ค่ะ ^^"

    ไม่รู้ว่าช่วยอะไรมั๊ย ==

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ11/1/57 16:40

    ก็พูดยากนะสังคมยุคนี้ ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ขอเป็นกำลังใจครับ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ12/1/57 14:43

    ใช่ครับ เป็นอาชีพสุจริต น่าเห็นใจที่ กม แลัวสังคมไทยมองกันต่างมุม สู้ๆ ครับผม

    ตอบลบ

เรื่องเด็ด น่าคิด น่าชม ที่ทุกที่ ทุกเวลา เรื่องเด็ด น่าคิด น่าชม ที่ทุกที่ ทุกเวลา 108thinks.blogspot.com