9 ถนนโลกีย์ ค้ากาม มีจริงหรือ ??

   ข้างถนนทั่วกรุงเทพฯ 9 แห่งพบว่ายังคงมีการซื้อขายบริการทางเพศทุกแห่งอย่างชัดเจน ลูกค้ามี
ตั้งแต่กรรมกรไปจนถึงเศรษฐี ทั้งชาย หญิงแห่ไปใช้บริการ ที่มีให้เลือกทุกรูปแบบ โสเภณีทุกรุ่น ทุกวัย ทั้งไทยทั้งเทศออกเตร็ดเตร่ล่าลูกค้าแบบเย้ยฟ้าท้าตำรวจ ฝ่ายตำรวจบ่นปวดหัวจับไม่รู้จักหมด ท้องที่ไหนกวาดล้างก็จะไปโผล่อีกแห่ง แม้ตำรวจจะระดมกวาดล้างแหล่งค้าประเวณีเป็นระลอก แต่ก็ไม่ทำให้บรรดาคุณตัวทั้งชายและหญิงหวั่นเกรงแต่อย่างใด และยังคงปักหลักหากิน กระจัดกระจายกันอยู่จนทุกวันนี้ ทีมข่าว “คม ชัด ลึก” ได้ออกสำรวจ 9 แหล่งค้าประเวณีพบว่า ยังมีหญิงชายคอยให้บริการกันอย่างโจ๋งครึ่ม และไม่มีท่าทีว่าจะกลัวเกรงเจ้าหน้าที่บ้านเมืองแต่อย่างไร ที่สำคัญคือ โสเภณีขณะนี้มีวัยไม่ถึง 20 ปี


ขอบคุณภาพจาก manager.co.th

แม่ค้าส้มตำ “หัวลำโพง”
   แหล่งขายบริการแหล่งแรกเป็นบริเวณ “หัวลำโพง” ที่นี่มีลักษณะการค้าประเวณีไม่เหมือนที่อื่นคือ หากต้องการหญิงบริการจะต้องไปเดินดูแม่ค้าส้มตำ เพราะตลาดเนื้อสดแห่งนี้ใช้วิธีการขายส้มตำบังหน้ากลบเกลื่อนการค้าประเวณี สำหรับแม่ค้าส้มตำกว่า 20 เจ้าที่นี่ส่วนใหญ่จะอยู่ในวัยประมาณ 15-25 ปีหน้าตาจิ้มลิ้ม ใส่เสื้อสายเดี่ยวรัดรูป รองเท้าส้นตึก ใช้โทรศัพท์มือถือราคาแพง มาปูเสื่อขายส้มตำหาลำไพ่พิเศษซึ่งหากดูย้อนกลับไปเมื่อ 2-3 ปีก่อนผู้หญิงที่มาขายบริการจะมีอายุไม่ต่ำกว่า 30 ปี และไม่มีการแต่งเติมสีสันบนหน้าตาใช้ลิปสติกเพียงแท่งเดียวก็ออกหากินได้แล้ว ตลาดค้าเนื้อสดแห่งนี้จะเริ่มทันทีเมื่อตะวันลับตกดิน 

   บรรดาหญิงขายบริการจะทยอยกันออกมายึดหัวหาดตั้งร้านอยู่ริมฟุตบาทด้านถนนพระรามสี่ รายล้อมบริเวณรอบสถานีรถไฟหัวลำโพง “แอ๋ว” หญิงขายบริการวัย 20 ปีในชุดเสื้อรัดรูปสีชมพูอ่อน กางเกงยีนส์ขายาวสีขาว เล่าว่า หญิงสาวที่ขายบริการอยู่ที่นี่ประจำมีอยู่ประมาณ 20 คน แต่ฤดูที่ไม่ทำไร่ทำนาจะมีมากเป็นพิเศษ สำหรับหาบส้มตำที่วางขายกันอยู่นั้นเธอกล่าวว่า เอามาจากเจ้าเดียวกันเกือบทั้งหมด ย่านถนนไมตรีจิต เพียงไปสั่งจองว่าต้องการหาบส้มตำ เจ๊เจ้าของหาบก็จะจัดหาเตรียมไว้ให้ ขายราคาจานละ 20 บาท จะได้ครกละ 5 บาท หากต้องไปกับแขกก็ต้องฝากหาบส้มตำไว้กับเพื่อนที่อยู่ใกล้ๆ ให้ช่วยขายให้ สำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ใช้แรงงานอยู่ละแวกนี้ ค่าใช้บริการก็มีเพียงราคาเดียวคือ 500 บาท ทั้งนี้ยังไม่รวมค่าห้องอีก 150 บาทให้เวลาไม่เกิน 1ชั่วโมง 



 ขอบคุณภาพจาก pantip.com

วงเวียน 22 แหล่งค้าประเวณีดั้งเดิม

   ขณะที่ตลาดค้าบริการย่านหัวลำโพงกำลังคึกคัก ตลาดค้าเนื้อสดย่านถนนไมตรีจิต ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็คึกคักไม่แพ้กัน หญิงขายบริการมียืนเรียงรายอยู่สองฟากถนนกว่า 50 คน ตามมุมมืดหน้าโรงแรมจิ้งหรีด จากการสอบถามหญิงที่ขายบริการทราบว่าพวกเธอย้ายมาจากวงเวียน 22 กรกฎา เป็นส่วนใหญ่ เพราะถูกกวาดล้างจากตำรวจท้องที่อย่างต่อเนื่อง ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า การกวาดล้างผู้หญิงขายบริการบริเวณถนนไมตรีจิต ค่อนข้างลำบากเนื่องจากมีซอยเล็กซอยน้อยมากมาย ทะลุต่อกันได้ สำหรับราคาค่าบริการอยู่ที่ 300 – 500 บาท ส่วนค่าเช่าห้องหรือโรงแรมชั่วคราว 2 ชั่วโมงอยู่ที่ประมาณ 150 ค้างคืนอยู่ที่ 300 บาท ส่วนลูกค้าที่นิยมใช้บริการจะเป็นกลุ่มเดียวกับลูกค้าที่มาใช้บริการที่หัวล ำโพง



ขอบคุณภาพจาก midnightuniv.org

อีตัวหนุ่มใกล้กรม รด.
สำหรับแห่งที่สาม เราได้เข้าไปสำรวจบริเวณหน้าวังสราญรมย์ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีในหมู่นักเที่ยวที่ต้องการใช้บริการทางเพศกับเด็กหนุ่ม ว่าบริเวณดังกล่าวถือเป็นตลาดใหญ่ที่กำลังได้รับความนิยม ตั้งแต่ 2 ทุ่มเป็นต้นไปบริเวณริมฟุตบาทด้านหน้าวังสราญรมย์ กรมแผนที่ทหาร กรมการรักษาดินแดน ตลอดแนวริมรั้ววัดโพธิ์ไปสิ้นสุดที่หน้ากระทรวงกลาโหม จะมีเด็กหนุ่มวัยรุ่นหน้าตาดี ร่างกายกำยำ ล่ำสัน ยืนรวมตัวจับกลุ่มกันเป็นแนวยาว ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีในหมู่นักเที่ยวที่ต้องการใช้บริการทางเพศกับเด็กหนุ่ม ว่าบริเวณดังกล่าวถือเป็นตลาดใหญ่ที่กำลังได้รับความนิยม ผู้ชายขายบริการที่นี่ส่วนใหญ่จะแต่งกาย ด้วยเสื้อผ้าสะอาดสะอ้านดูทะมัดทะแมง บริเวณริมหัวถนนหน้ากรมแผนที่ทหาร 
   เป็นจุดแรกที่มีเด็กวัยรุ่นผู้ชายจับกลุ่มพูดคุยกันอยู่ด้วยอิริยาบถแตกต่าง กันไป สายตาคอยสอดส่ายหาลูกค้าทั้งขาจรและขาประจำที่เคยมาใช้บริการ ถัดขึ้นมาบริเวณริมฟุตบาทหน้ากรมการรักษาดินแดน จากการสังเกตพบว่าผู้ขายบริการส่วนมากจะเป็นเกย์คิงส์ ซึ่งกลุ่มนี้จะยืนเรียงรายให้เลือกอยู่มากพอสมควร หากเลยออกไปอีกหน่อยบริเวณด้านหน้าวังสราญรมย์ รอบรั้ววัดโพธ์ จนถึงหน้ากระทรวงกลาโหม กลุ่มผู้ขายบริการก็จะเปลี่ยนไปเป็นสาวประเภท 2 แต่ก็ยังมีหญิงแท้ให้เห็นบ้างประปราย ตรงจุดนี้จะมีผู้ขายบริการมากกว่าจุดอื่นประมาณกลุ่มละ 7-8 คน และมีมากกว่า 10 กลุ่ม หลังจากเฝ้าสังเกตการณ์อยู่นานกว่า 4 ชั่วโมง ทีมงาน “คม ชัด ลึก” ทำทีเข้าไปทาบทามขอซื้อบริการจากชายคนหนึ่งในกลุ่ม ซึ่งมีรูปร่างสันทัด ผิวเหลือง อายุประมาณ 27-28 ปี ขณะยืนหาลูกค้าอยู่หน้ากรมแผนที่ทหาร 
   เมื่อขับรถเข้าไปใกล้ชายหนุ่มคนดังกล่าวกลับเดินเลี่ยงออกไปทางอื่น ทำให้เพื่อนๆ ที่อยู่ใกล้เคียงต่างแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง แต่ระหว่างที่ขับรถไปจอดที่หน้ากรมการรักษาดินแดน กลับมีชายหนุ่มอีกคนรูปร่างสูง ท่าทางสะอาดสะอ้านคนหนึ่งซึ่งยืนรอท่าอยู่ พอได้จังหวะจึงชะโงกหน้าเข้ามาในรถพร้อมกับเสนอขายบริการให้ทันที “พี่จะเรียกผมไปไหมครับ ผมขอ 500 บาท ผมเป็นได้ทั้งสองอย่าง พี่มากันกี่คนครับผมมีเพื่อน แล้วพี่มีที่ค้างหรือเปล่าถ้าไม่มีผมจะพาไป ตรงที่พี่ผ่านมานั่นส่วนใหญ่เขาให้บริการแต่ผู้หญิง ถ้าเป็นผู้ชายต้องมาตรงนี้ คนที่มาหาซื้อบริการส่วนใหญ่จะมีทั้งผู้ชายผู้หญิงคละเคล้ากันไป มีตั้งแต่พวกรับจ้างขนผักที่ปากคลองตลาด ไปจนถึงคนรวยหรือบางครั้งก็มีดารามาใช้บริการเหมือนกัน” ชายหนุ่มจาระไน “ตุ้ย” เด็กหนุ่มวัย 19 ปี คือคนที่เข้ามาเจรจากับทีมงาน กล่าวว่า สถานที่แห่งนี้ผู้ขายและผู้ซื้อบริการจะแยกกันชัดเจน ลูกค้าส่วนมากจะรู้ว่าโซนไหนขายบริการประเภทใด 
   สำหรับนักเที่ยวขาจรจะสุ่มมาตามคำบอกเล่า แต่ด้วยสัญชาตญาณของนักเที่ยวแล้ว จะสามารถสื่อกันได้เองโดยอัตโนมัติ ราคาค่าตัวจะมีตั้งแต่ 150 บาทไปจนถึง 1,500 บาท ตามเกรดของสินค้าและการตกลง “ตุ้ย” เล่าอีกว่า สถานที่ใช้บำเรอกามนั้นมีหลายแห่ง มีทั้งราคาถูกไปจนถึงราคาแพง ถ้าเป็นโรงแรมจิ้งหรีดก็ถูกหน่อย ชั่วโมงละ 20 – 50 บาท ส่วนม่านรูดชั่วโมงละ 120 – 150 บาทมีห้องน้ำในตัว อยู่หลังศาลอาญาและกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีในหมู่ผู้ชายขายบริการทุกคน “สำหรับลูกค้าระดับล่างที่ไม่มีแม้แต่เงินค่าโรงแรม จะใช้รถเมล์ที่จอดอยู่ที่ท่ารถเป็นสถานที่สำเร็จกิจ ส่วนโรงแรมใหญ่ตรงข้ามสนามหลวง ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ เขาจะให้พนักงานของโรงแรมขี่มอเตอร์ไซค์มารับไปให้บริการถึงที่ แล้วจ่ายค่าตัวให้เรา จากนั้นจะไปบวกกับแขกเท่าไหร่ผมไม่ทราบเหมือนกัน รายได้ของผมไม่แน่นอน ถ้าต้นเดือนก็พอมีรายได้เยอะหน่อย ปลายเดือนก็ได้น้อยหน่อย แต่อย่างต่ำก็อยู่ที่ประมาณ 500 บาทต่อวัน” ชายหนุ่ม กล่าว นอกจากนี้ “ตุ้ย” ยังกล่าวด้วยว่า ผู้ชายหากินที่มาตั้งหลักหาลูกค้าที่นี่ ส่วนมากหนีมาจากสวนลุมฯ เป็นส่วนใหญ่ สาเหตุเนื่องจากช่วงหลังๆ ถูกตำรวจกวดขันหนัก ต่อไปหากที่นี่มีการกวาดล้างอีก ก็ต้องหนีไปที่อื่นอีกเช่นกัน


ขอบคุณภาพจาก dodeden.com

คลองหลอดแหล่งรวม “ผีขนุน”
คลองหลอดคือ สถานที่สี่ ที่เราสำรวจเพราะบริเวณนี้เป็นอีกแห่งที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการขายบริการทา งเพศ หรือที่รู้จักในนาม “ผีขนุน” ลูกค้าส่วนใหญ่คือ ผู้มาขายหรือมาซื้อของแถวปากคลองตลาด ส่วนผู้ที่มาขายบริการในบริเวณนี้ นอกจากจะเป็นหญิงที่อยู่ในวัยตกรุ่นแล้ว ก็ยังมี สาวประเภทสอง ให้เห็นกันเต็มสองข้างถนน เวลาประมาณ 21.30 น. ทีมข่าว คม ชัด ลึก ซุ่มจอดรถอยู่ในมุมมืดข้างประตูวัดแห่งหนึ่งริมคลองหลอด เพื่อซุ่มดูการซื้อขายบริการทางเพศของสาวประเภทสองเหล่านั้นพบว่า มีผู้ชายเดินแวะเวียนมาต่อรองราคาอยู่ตลอดเวลาทั้งเดินเท้า ขี่จักรยานยนต์และขับรถยนต์มาจอดเทียบ 
   แต่เมื่อการต่อรองราคายังไม่เป็นที่พอใจ เธอจึงนั่งรอต่อไปเรื่อยๆ หลังจากนั้น 5 นาที ก็มีรถกระบะเข้ามาจอดเทียบเธอยื่นหน้าเข้าไปคุยจากนั้นก็คว้าถุงใบหนึ่งเข้า ไปนั่งในรถและปิดประตู ทีมงานคม ชัด ลึก เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ในรถแต่ไม่เห็นทีท่าว่ารถคันดังกล่าวจะเคลื่อนที่แต่อย่ างใด ทีมข่าวของเรายังซุ่มดูอยู่ต่อไปจนเวลาผ่านไปเกือบ 10 นาที เธอก็เดินลงมาจากรถและเดินไปหยิบขวดน้ำที่วางอยู่บนกำแพงวัดเพื่อล้างปาก ทำให้เราพอจะเดาได้ว่า เธอได้ปฏิบัติกามกิจกับคนในรถกระบะคันนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งราคาในลักษณะนี้จะอยู่ที่ประมาณ 50-150 บาท ถูกกว่าการหอบหิ้วกันไปถึงโรงแรม



ขอบคุณภาพจาก ninjaa.org

สวนลุมฯ – สนามหลวงกวาดอย่างไรก็ไม่หมด
  ส่วน แห่งที่ห้าและหกนั้นคงเป็นที่คุ้นเคยกันดีคือ บริเวณรอบสวนลุมพินีและรอบสนามหลวง เพราะตรงนี้เป็นที่ขึ้นชื่อลือชามานาน จากการสำรวจล่าสุดพบว่า หลังจากมีการกวาดล้างกันอย่างต่อเนื่องมาก่อนหน้านี้ ยังมีหญิงค้าประเวณีให้เห็นเช่นเดิม แต่สองแห่งนั้นจะแตกต่างในเรื่องของอายุผู้ขายบริการเท่านั้น โดยบริเวณรอบๆ สวนลุมนั้นส่วนมากจะเป็นวัยรุ่นสนนราคาอยู่ประมาณ 500-1,200 บาท แพงกว่าหญิงขายบริการย่านสนามหลวงที่มีราคาไม่เกิน 500 บาท


ขอบคุณภาพจาก tnews.co.th

เพชรบุรีตัดใหม่ แหล่งรวมสาวรุ่น
   บริเวณ หน้าโรงแรมสยาม ถนนเพชรบุรีตัดใหม่เป็นแห่งที่เจ็ด ที่เราเข้าสำรวจพบว่า ก่อนหน้านี้ขึ้นชื่อลือชาว่ามีเด็กนักเรียน นักศึกษา ออกมาขายบริการหาลำไพ่ตั้งแต่หัวค่ำ ที่นี่บรรยากาศการค้าจะเริ่มขึ้นช่วงหัวค่ำประมาณ 1 ทุ่ม สาวๆ กว่าครึ่งร้อยจะแต่งเนื้อแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีสวยสดใส ใส่เสื้อสายเดี่ยวบ้างเกาะอกบ้างกางเกงขาสั้น หรือไม่ก็ยาวรัดเปรี๊ยะจนเห็นเรือนร่างโค้งเว้าทุกสัดส่วนยืนอยู่ในมุมมืดบ้ างอยู่ในมุมสว่างบ้าง ตั้งแต่เชิงสะพานอโศกไล่ลัดเลาะเข้าไปถึงโรงแรมสยาม ผู้หญิงที่ขายบริการช่วงหัวค่ำส่วนมากจะเป็นเด็กสาวอายุตั้งแต่ 18-20 ปี ที่ทำเป็นไซค์ไลท์หรือมาทำเพียงรอบเดียวพอได้เงิน 1,000-2,000 บาทก็เลิกแล้วเข้าไปเที่ยวตามสถานบันเทิงที่อยู่ใกล้เคียง ส่วนกลุ่มผู้หญิงที่มาขายบริการในช่วงตีหนึ่ง พบว่าส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงที่มีทำอาชีพขายบริการอยู่แล้วและใช้เวลาหลังจาก เลิกงานจากอาบ อบ นวดที่เป็นงานปกติไปทำงานพิเศษที่หน้าโรงแรมสยามต่อจนถึงเช้า 
   สำหรับราคาค่าบริการทราบว่าราคาการใช้บริการหญิงสาวพวกนี้จะแพงกว่าที่อื่นโ ดยเริ่มต้นตั้งแต่ 800 บาทจนถึง 3,000 บาท ทั้งนี้ยังไม่ได้รวมค่าโรงแรม ที่มีราคาอย่างต่ำ 300 บาทหากใช้บริการห้องของโรงแรมสยาม ราคาไม่เกิน 500 บาท แต่หากวันใดตำรวจออกกวาดล้างหญิงขายบริการที่ยืนอยู่ริมถนนก็จะหลบเข้าไปอยู ่ในบริเวณบ่อตกกุ้งซึ่งอยู่ในร้านอาหารใกล้เคียง โดยการนั่งจับกลุ่มกันในโต๊ะเดียว


ขอบคุณภาพจาก pimthaionline.com

ซอยนานาแหล่งรับแขกต่างชาติ
แหล่ง ขายบริการอีกสองแห่งที่ทีมข่าว “คม ชัด ลึก” เข้าสำรวจคือบริเวณใกล้โรงแรมแอมบาสเดอร์และย่านนานาเหนือ-ใต้ ทั้งสองแห่งนี้มีลักษณะคล้ายๆ กัน ลูกค้าส่วนมากเป็นชาวต่างชาติ ความแตกต่างจะอยู่ตรงที่ค่าบริการ ซึ่งผู้หญิงที่มาขายบริการบริเวณนานาเหนือและใต้ จะแพงกว่าบริเวณรอบๆ โรงแรมแอมบาสเดอร์เพราะส่วนมากจะเป็นชาวต่างชาติเกรดเอที่มาใช้บริการ ตลาดค้าบริการของทั้งสองแห่งนี้จะเริ่มตั้งแต่เวลา 2-3 ทุ่ม มีหญิงสาวขายบริการทั้งชาวไทยและต่างชาติกว่ากว่า 500 คน ในแต่ละค่ำคืนบริเวณนี้จะมีผู้หญิงไทยออกหาล่าเหยื่อชาวต่างชาติประเภท “ผิวดำ” ไม่รวมถึงสาวรัสเซียและสาวอุซเบกิสถานที่แอบเข้ามาขายบริการในโรงแรมเล็กๆ ในตรอกซอยแถวนั้นด้วย การใช้บริการหญิงสาวต่างชาติเหล่านี้หากเป็นคนไทยจะค่อนข้างลำบากเพราะไม่มี นายหน้าหรือคนที่รู้จักคุ้นเคยนำพา จะถูกผู้จัดการโรงแรมปฏิเสธทันที เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการค้าประเวณีของหญิงสาวชาว ต่างชาติค่อนข้างมาก แต่หากผู้ที่ใช้บริการมากับไกด์หรือคนรู้จักกัน ผู้จัดการโรงแรมก็จะจัดหาสาวๆ 
  ชาวไทยหรือชาวต่างชาติที่ไม่สามารถพูดไทยได้มาให้เลือก สำหรับสนนราคาเริ่มต้นที่ 1,500 บาทเป็นอย่างต่ำ แต่สำหรับขาประจำที่รู้ทางจริงๆ อาจจะเหลืออยู่ที่ 1,000 บาท ไม่รวมค่าห้องชั่วคราวที่เดินขึ้น บันไดไม่ถึง 20 ขั้น ก็ถึงเตียงวิมานคิดราคา 300 บาท ส่วนผู้ที่นิยมสาวๆ ชาวต่างชาติจะต้องควักสตางค์ค่อนข้างแพงถึง 2,500-4,000 บาทต่อการเรียกใช้บริการครั้งหนึ่ง ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าผู้หญิงชาวต่างชาติทั้งรัสเซียและสาวอุซเบกิสถานที่ มาปักหลักขายบริการอยู่แถบนี้จะระมัดระวังตัวมากเป็นพิเศษ เพราะกลัวว่าจะถูกล่อซื้อแล้วถูกจับกุมส่งกลับประเทศ หากแขกมีลักษณะเหมือนคนมีสีหรือแม้กระทั่งถือวิทยุสื่อสาร เธอจะหลบหายไปในทันที ส่วนตลาดเนื้อสดบริเวณด้านหน้าโรงแรมแอมบาสเดอร์นั้นพบว่า ตลาดจะเริ่มคึกคักพร้อมๆ กับซอยนานา แต่เกรดของผู้หญิงที่ขายบริการจะด้อยกว่าทางซอยนานาเหนือและใต้ นอกจากนี้ในร้านอาหารดังแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในย้านนั้นยังเป็นแหล่งนัดพบขอ งหนุ่มสาวที่เสร็จจากงานในช่วงเวลากลางคืน หญิงสาวบางคนยังอารมณ์ค้างอยู่กับการขึ้นห้องกับแขกในเวลางาน ก็จะนิยมมาที่นี่เพื่อซื้อขายบริการเสพสุขกันอย่างเสรี ซึ่งสนนราคาอยู่ที่ความพอใจกันของทั้งสองฝ่าย ตำรวจปวดหัวจับเท่าไรก็ไม่หมด

ย่าน ค้ากามทั้ง 9 แห่งล้วนเป็นแหล่งเดิมๆ ที่รู้กันดีว่ามีพฤติกรรมเช่นนี้เกิดขึ้น ตำรวจแต่ละท้องที่ก็ออกกวาดล้างเป็นระยะๆ แต่ดูเหมือนว่าโสเภณีเร่ร่อนทั้งหญิง ชายจะไม่ได้ลดลงสักเท่าไร พ.ต.อ.อุทาสิน ฤทธิ์เรืองเดช ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพระราชวัง (ผกก.สน.พระราชวัง) ยอมรับว่า บริเวณหน้าวังสราญรมย์มีกลุ่มผู้ชายมาปักหลักขายบริการอยู่เป็นเวลานานแล้ว ที่ผ่านมามีการระดมกวาดล้างอย่างต่อเนื่อง จนระยะหลังกลุ่มผู้ขายบริการลดน้อยลงไปบ้าง แต่ก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ “เรามีการจับกุมตัวมาดำเนินคดีทุกวัน บางวันจับได้มากที่สุดถึง 30-40 คนเลยทีเดียว ไม่รู้มาจากไหนกัน ตอนนี้เราทำได้อย่างเดียวก็คือออกตรวจวันละ 2 ครั้ง ช่วง 3 – 4 ทุ่มและตี 3 – ตี 4 แต่ก็ยังไม่วายที่จะมีคนเข้ามาลักลอบขายบริการอยู่ดี” พ.ต.อ.อุทาสิน กล่าว ผกก.สน.พระราชวัง กล่าวต่อว่า ปัจจุบันผู้ชายที่มาขายบริการในบริเวณดังกล่าวไม่ใช่คนในพื้นที่ ส่วนใหญ่จะเดินทางเข้ามาจากที่อื่นตั้งแต่หัวค่ำ ปัจจุบันไม่มีสถิติผู้ค้าประเวณีที่แน่นอน เพราะบางช่วงก็มีมากบางช่วงก็มีน้อย ขึ้นอยู่กับท้องที่ไหนมีการกวาดล้างก็จะหนีมาอยู่ที่นี่ หมายเหตุเก็บมาเพราะมันน่าสนใจดี บทความจาก http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=taiji1th&topic=195
ทำเลค้ากามแห่งใหม่
แฉ ลานรถไฟฟ้าใต้ดิน หัวลำโพง ทำเลค้ากามแห่งใหม่ หัวลำโพง
สำรวจ เด็กไทยด้อยโอกาส 7 กลุ่ม พบโรงเรียนรีดเลือดปู เรียกเก็บเงินบริจาค-บังคับซื้ออุปกรณ์เรียนแพงเกินจริง แฉ “ลานรถไฟฟ้าใต้ดินหัวลำโพง” ถูกแม่ค้าส้มตำริมคลองหลอดยึดเป็นทำเลค้ากามแห่งใหม่ หวังอัพราคากับลูกค้า

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ร่วมกับคณะกรรมการสิทธิฯ จัดสัมมนาการคุ้มครองสิทธิทางการศึกษาของเด็กด้อยโอกาส โดยนายชูพินิจ เกษมณี อาจารย์ประจำภาควิชาพื้นฐานของการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มศว กล่าวสรุปรายงานสถานการณ์การศึกษาสำหรับเด็กด้อยโอกาสในสังคมไทย จากมุมมองภาคประชาสังคมว่า จากการสุ่มสำรวจเด็กด้อยโอกาส 7 กลุ่ม ประกอบด้วย

1. ชนเผ่าพื้นเมือง เช่น ชาวไทยภูเขา มอแกน ชาวเล 2.ชุมชนแออัด 3.แรงงานข้ามชาติ จ.สมุทรสาคร 4.ชุมชนไกลคมนาคมในภาคเหนือและอีสาน 5.ชาวไทยพลัดถิ่นแนวชายแดนไทย-พม่า 6.เด็กไร้บ้าน เด็กเร่ร่อนสนามหลวง และ7.เด็กในสถานการณ์ความขัดแย้งจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่เดือนก.ย.50-ต.ค.51 พบว่าจาก 56 ชุมชน มี 4 ชุมชนที่ไม่มีโรงเรียน

“เมื่อ รัฐมีงบประมาณไม่เพียงพอในการบริหารโรงเรียนก็ต้องหารายได้ที่ไม่สง่างาม เช่น การบีบให้ผู้ปกครองกรอกแบบฟอร์มบริจาคเงินแก่โรงเรียน บังคับซื้อเครื่องแบบอุปกรณ์เรียนราคาแพงเกินความเหมาะสม และจากการสำรวจพบพ่อแม่ผู้ปกครองเด็กด้อยโอกาสร้อยละ 82 เป็นผู้ใช้แรงงาน เช่น ทำไร่ทำนา รับจ้าง ประมง ซึ่งมีรายได้ไม่ถึง 50,000 บาทต่อปี จึงได้รับความเดือดร้อนจากการเรียกเก็บเงินจากโรงเรียน รัฐจึงต้องจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายให้เด็กอย่างแท้จริง” นายชูพินิจกล่าว


น.งสาวดวงใจ สายชมพู เจ้าหน้าที่มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก กล่าวถึงเด็กในชุมชนแออัดวัดดวงแขหลังสถานีรถไฟหัวลำโพงว่า ส่วนใหญ่เป็นห้องเช่ารายวัน 70-100 บาท โดยคนขายผลไม้ หาบเร่แผงลอยบริเวณหัวลำโพง หรือเช่าเป็นกะ เช่น ครอบครัวทำงานกลางวันจะเช่านอนตอนกลางคืน และครอบครัวทำงานกลางคืนจะเช่าตอนกลางวัน โดยชุมชนมีทั้งปัญหาอบายมุข การพนัน ลักขโมย ยาเสพติด สื่อกระตุ้นทางเพศ และคนอาชีพแอบแฝง
“แม่ค้าส้มตำบางรายแอบแฝงขายบริการทางเพศริมฝั่งคลองหลอดตรงข้ามหัวลำโพง ตอนนี้มีทำเลใหม่บริเวณลานรถไฟฟ้าใต้ดินหัวลำโพงมีราคาแพงขึ้นกว่าริมคลอง หลอดแต่ตกลงราคากันได้ ส่วนหนึ่งเป็นผู้ปกครองเด็กในชุมชน โดยปัญหาชุมชนแออัดทำให้เกิดปัญหาครอบครัว เด็กไม่ได้เรียนหนังสือและมีครอบครัวตอนอายุน้อยเป็นวงจรซ้ำซาก ซึ่งรัฐควรเข้าไปช่วยแก้ปัญหา” นางสาวดวงใจกล่าว

นาง สาวรอมือละห์ แซเย๊ะ เจ้าหน้าที่มูลนิธิทรัพยากรเอเชีย กล่าวถึงเด็กไทยมุสลิมในภาคใต้ว่า เด็กในพื้นที่ไม่ได้รับการศึกษา เนื่องจากเหตุไม่สงบในภาคใต้ ทำให้ผู้ปกครองยากจนยิ่งประสบปัญหาหนัก ส่วนคนที่มีที่ดินก็ออกมาทำมาหากินไม่ได้ ทำให้ขาดรายได้ในการส่งเสียบุตรหลาน เด็กเรียนจบแค่ป.6 ก็ต้องเลิกเรียน ประกอบกับบ้านอยู่ไกลโรงเรียน ครูไม่ให้ความสำคัญกับเด็กและโรงเรียนขาดแคลนอุปกรณ์ทำให้เกิดปัญหาทางการ ศึกษากับเด็กอย่างมาก

นางสาวมนัญชยา อินคล้าย เจ้าหน้าที่มูลนิธิรักษ์ไทย กล่าวถึงเด็กแรงงานข้ามชาติจังหวัดสมุทรสาครว่า แรงงานทั้งหมดที่ขึ้นทะเบียนในพื้นที่ 76,059 คน เป็นพม่า ลาว และกัมพูชา แต่ประเมินจากจำนวนที่แท้จริงมีมากกว่า 3 แสนคน โดยเป็นเด็กแรกเกิด-14 ปี ประมาณ 3,000 คน แรงงานเด็กจะตามพ่อแม่ผู้ปกครองอาศัยตามห้องเช่าเล็กๆที่ต้องอยู่ร่วมกัน 6-10 คน เด็กต้องไปช่วยพ่อแม่ทำงาน ประกอบกับพูดภาษาไทยไม่ได้และอายุเกินจึงไม่ได้รับการศึกษา ทั้งยังถูกละเมิดทางเพศระหว่างเด็กกับเด็กและคนไทยที่ไปละเมิดเด็กแต่กลับ ไม่ถูกลงโทษ

ขอขอบคุณข้อมูลจากคมชัดลึก

และจากวีดิโอที่ตีแผ่เรื่องราวเหล่านี้..



เรื่องจริงผ่านจอ นักเรียนขายตัวนครสวรรค์
http://www.youtube.com/watch?v=mVe9z-ttaO0&feature=related

แฝงกายขายตัวรอบวัดพระแก้ว
http://www.youtube.com/watch?v=5EY6ZHhUFCc
9 ถนนโลกีย์ ค้ากามโจ๋งครึ่มเย้ยฟ้าท้าตำรวจ


ขอขอบคุณข้อมูลจากคมชัดลึก

ที่มา :  www.love.holidaytours.in.th
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต




ผู้ชมหน้านี้ :  

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น