12 สัตว์ใกล้สูญพันธุ์แต่คนยังกินกันอยู่

รสนิยมในการกินของชาวโลก จะด้วยความอร่อย หรือความเชื่อว่า กินแล้วได้สรรพคุณตามที่
มนุษย์หลุ่มหลงกันไปตามเชื่อ หรือจะด้วยเหตุใดก็ตาม แต่หารู้ไม่ว่าสัตว์เหล่านั้นใกล้สูญพันธุ์แล้ว

ซาลาแมนเดอร์ยักษ์
ซาลาแมนเดอร์ยักษ์จีน เป็นซาลาแมนเดอร์สะเทินน้ำสะเทมินบกพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยความยาวกว่า 180 เซนติเมตร 6 ฟุต ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในทะเลสาบและลำธารภูเขาหิน และปัจจุบันมันกำลังจะสูญพันธุ์เพราะปัญหามลพิษ และการล่าเพื่อนำไปเป็นอาหาร เนื่องจากมีสรรพคุณทางการแพทย์แผนจีน ทำให้มีการคุ้มครองกฎหมายห้ามล่าสัตว์

ลิงลิงชิมเปนซีและกอริลลา
การบริโภคลิงลิงชิมเปนซีและกอริลลา นั้นในวัฒนธรรมแอฟริกาถือว่าเป็นเรื่อง ปกติ โดยชาวเมืองพื้นเมืองของประเทศต่างๆ ในแอฟริกา ไม่ว่าเป็นแคเมอรูน อูกันดา คองโก นิยมเอาเนื้อกอริลล่าในไปตุ๋นโดยขายตามตลาดในเมืองใหญ่ โดยเนื้อกอริลลาจะถูกแบ่งเป็นชิ้นๆ และนำไปรมควัน ขายประมาณชิ้นละ 6 ดอลลาร์ส่วนมากมักนิยมกินในประเทศมากกว่าส่งออก ส่วนลิงชิมเปนซีนิยมในการผ่าเอาสมองมากิน(ส่วนมากกินแบบดิบๆ) ในแต่ละปีกอริลลาประมาณ 300 ตัวจะถูกฆ่าเพื่อไปทำเป็นอาหาร  บางประเทศการกินเนื้อกอริลลาและลิงชิมแปนซี ซึ่งถือว่าเป็นประเพณีเก่าแก่มากและประเพณีดังกล่าวยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันกอริลลาใกล้จะสูญพันธุ์และมีการคาดหมายว่าในทศวรรษหน้ากอริลลาจะหมด โลก

ปลาแซลมอนไชน็อก

ปลาแซลมอนไชน็อก เป็นปลาแซลมอนที่พบในแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ ที่ได้รับขนานนามว่าเป็นราชาของแซลมอนเนื่องจากมีขนาดใหญ่กว่าปลาแซลมอนชนิด อื่นๆ และจะมีจุดสี ดำตามบริเวณ สีข้างด้านบน และหาง จะโตเต็มที่เมื่ออายุได้ 4 ปี น้ำหนักประมาณ 15-80ปอนด์ซึ่งมีราคาสูงเมื่อเทียบกับปลาแซลมอนชนิดอื่นๆ อีกด้วย เนื่องจากมันใกล้สูญพันธ์เนื่องจากมลพิษทางน้ำและการประมงเชิงพาณิชย์มาก เกินไป ทำให้หลายฝ่ายพยายามที่จะอนุรักษ์ปลาชนิดนี้ไว้ ไม่ว่าจะเป็นการเพาะเลี้ยงหรือแม้แต่ฆ่าสิงโตทะเลซึ่งเป็นศัตรูธรรมชาติของ แซลมอนจำนวนมากมาย

ปลาทูน่ายักษ์ครีบน้ำเงิน

ปลาทูน่ายักษ์ครีบน้ำเงิน หรือปลาทูน่าครีบน้ำเงินแอตแลนติก เป็นอีกหนึ่งใน สัตว์ที่ตอนนี้กำลังเป็นสัตว์คุ้มครอง เนื่องจากมันใกล้สูญพันธุ์เนื่องจากการล่าเพื่อนำไปทำอาหาร โดยเฉพาะซูซิเนื่องจากเนื้อส่วนท้องสุดนุ่มที่มีไขมันแทรกเป็นชั้น ตลอดสิบปีที่ผ่านมา กองเรือประมงทันสมัยซึ่งมักจะมีเครื่องบินค้นหาตำแหน่งนำ ไล่ล่าฝูงทูน่าครีบน้ำเงินไปทั่วทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และจับปลาชนิดนี้ได้ปีละหลายหมื่นตัว ซึ่งหลายครั้งเป็นการลักลอบจับโดยผิดกฎหมาย ปลาที่ถูกขุนจนอ้วนในกระชังนอกชายฝั่งจะถูกยิงและแล่เนื้อไปอาหารในญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป ค้าส่งปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลกในญี่ปุ่นปลาทูน่าครีบสีน้ำเงินจะถูกประมูลใน ราคากว่า 16.3 ล้านเยนหรือกว่า 6 ล้านบาทเลยทีเดียว ในขณะที่หลายๆประเทศได้ทำการต่อต้านการล่าปลาจนจัดตั้งเป็นองค์กรแต่เจ้า หน้าที่ของยุโรปและแอฟริกาเหนือก็แทบไม่ได้ทำอะไรเพื่อหยุดยั้งการฆ่าล้าง เผ่าพันธุ์นี้ได้เลย

กวางคาริบู

กวางคาริบูเป็นสัตว์ตระกูล เดียวกับกวางเรนเดียร์ อาศัยในแถบอเมริกาเหนือ มีขนาดใหญ่ น้ำหนักประมาณ 300 กิโลกรัมดุร้าย หากแต่ชนเผ่าพื้นเมืองหรือพวกเอสกิโมนิยมล่ากวางชนิดนี้ เพราะถือว่าประเพณีเทศกาล(มีการกำหนดฤดูล่ากวางคาริบูในต้นฤดูใบไม้ผลิ  ) และล่าทีก็ยกฝูง โดยนำเนื้อเป็นอาหาร ขนเป็นเครื่องนุ่งห่ม(ซึ่งมีราคาแพง)  ทั้งเสื้อ  กางเกง  หรือแม้กระทั่ง รองเท้า เส้นเอ็นแทนด้ายในการปักเย็บ กระดูกและเขาใช้ทำอาวุธ  และเครื่องประดับ ในประเทศจีนเขาของกวางก็มีสรรพคุณเป็นยา  ปัจจุบันกวางชนิดนี้หายากใกล้สูญ พันธ์

ปลาวาฬฟิน

ปลาวาฬฟิน เป็นปลาวาฬที่มีขนาดใหญ่เป็นที่สองของโลกรองมาจากวาฬสีน้ำเงิน ขนาดโตเต็มที่ยาวถึง 27 เมตร น้ำหนักมากกว่า 75ตัน เช่นเดียวกับวาฬอีกอื่นที่ใกล้สูญพันธ์เนื่องจากการล่าเพื่อเป็นอาหารอย่าง หนักในช่วงศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา ทำให้สำนักงานคณะกรรมการการล่าวาฬนานาชาติออกมาประกาศหยุดการล่าวาฬเชิง พาณิช แม้ว่าไอซ์แลนด์และญี่ปุ่นไม่ยกเลิก เนื่องจากวาฬชนิดนี้มีรสชาติอร่อยมาก มักนิยมไปทำซูซิหรือซาซิมิราคาแพง เพราะเหตุนี้การล่าโลมาจึงเป็นที่นิยม และถือเป็นธุรกิจที่ได้กำไรงาม แต่ที่สำคัญคือเป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมายในญี่ปุ่น จึงมีคนทำกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันกันอย่างมากมาย อีกทั้ง ญี่ปุ่นมักล่าวาฬโดยอาศัยช่องโหว่กฎข้อห้าม โดยอนุญาตให้ฆ่าวาฬได้เพื่อ “การวิจัยทางวิทยาศาสตร์”  ด้วยเหตุนี้ ประชากรโลมา และปลาวาฬในโลกจึงลดลงอย่างรวดเร็วอย่างน่าตกใจ  ดังนั้นญี่ปุ่นจึงถูกต่อต้านหนักๆ จากหลายฝ่าย ทำให้ญี่ปุ่นยกเลิกภารกิจล่าวาฬ ในน่านน้ำทวีปแอนตาร์คติกกา รอบขั้วโลกใต้ หลายครั้ง

ช้างแอฟริกัน

ในภาคกลางและแอฟริกาตะวันตกพวกชาวพื้นเมืองมักล่าช้างเพื่อนำไปเป็นอาหาร มากกว่าจะเอางาของมัน โดยช้างนั้นเป็นสัตว์ให้เนื้อเยอะถึง 1000 ปอนด์ต่อตัว โดยจะแล่เนื้อช้างเอาไปรมควันและเอาไปตากเค็ม ในแคเมอรูนเนื้อช้างถูกวางจำหน่ายในตลาดราวกับเนื้อหมูทั้งที่ผิดกฎหมาย ที่ประเทศซิมบับเวนั้นกินสดๆ หลังจากช้างล้มไปก็มีเนื่องจากความหิวโหย ทำให้มีหลายครั้งที่ช้างมักถูกล่าเพื่อการนี้ ปัจจุบันช้างเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์และเป็นสัตว์ที่ป้องกันจากการล่าของ มนุษย์ยากที่สุด

เต่าตนุ หรือ เต่าจะละเม็ด

เต่าตนุ หรือ เต่าจะละเม็ดเป็นเต่าทะเลที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่และมีน้ำหนักมากเมื่อโตเต็ม ที่ โดยมีความยาวตั้งแต่หัวจรดหางประมาณ 1 เมตร น้ำหนักราว 130 กิโลกรัม จุดเด่นคือสีของกระดองดูเผิน ๆ มีเพียงสีน้ำตาลแดงเท่านั้น แต่ถ้าหากพิจารณาให้ละเอียด จะพบว่าเกล็ดแต่ละเกล็ดของกระดองหลังมีสีน้ำตาลแดงหรือน้ำตาลอมเขียว ทำให้มีการเรียกเต่าชนิดนี้ว่าอีกชื่อหนึ่งว่า "เต่าแสงอาทิตย์" ขณะที่ชาวตะวันตกเรียกว่า "เต่าเขียว" โดยเต่าชนิดนี้พบกระจายพันธุ์ทั้งในมหาสมุทรแอตแลนติก มหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิก ในน่านน้ำไทยพบทั้งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน นับเป็นเต่าทะเลชนิดที่พบได้บ่อยที่สุดในน่านน้ำไทย โดยมักพบในเขตที่มีอุณหภูมิน้ำที่ค่อนข้างอุ่น คือ สูงกว่า 20 องศาเซลเซียสขึ้นไปในอดีต นิยมใช้เนื้อและไข่เพื่อการบริโภค กระดองใช้ทำเครื่องประดับ โดยเนื้อมีรสชาติอร่อยและมีไขมันสีเขียวจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้มันเลยถูกล่าเพื่อนำเนื้อมากินเป็นจำนวนมากจนใกล้สูญพันธุ์ จนมีกฎหมายคุ้มครองในที่สุด แต่กระนั้นก็ยังมีการล่าเต่าชนิดนี้ในอินโดนีเซียและประเทศอื่นๆ ในเอเซียใต้

ปลาโลมาแม่น้ำ

ปลาโลมาแม่น้ำ เป็นโลมาที่อาศัยอยู่ในน้ำจืดในแม่น้ำ ปากแม่น้ำ ในพื้นที่ของแม่น้ำเอเชียและอเมริกาใต้ ลักษณะปากยาว ขนาดใหญ่สุดเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 2.4 เมตร และมีหลายสี เช่น ขาว ชมพู สีเหลือง สีน้ำตาล สีเทา สีดำ ขึ้นอยู่กับพื้นที่นั้นๆ ปัจจุบันปลาโลมาแม่น้ำเป็นปลาใกล้สูญพันธุ์(และกำลังเกิดขึ้น)เนื่องจากผล กระทบของมลพิษและการล่าสัตว์รุนแรง  ยกตัวอย่าง เช่น โลมาแม่น้ำแยงซีเกียงหลายฝ่ายประกาศแล้วว่าสูญพันธุ์เมื่อปลาย ปี 2006 สาเหตุก็คือมันชอบติดอวนของเรือประมงอย่างไม่ตั้งใจจนตายไปเป็น จำนวนมาก การจับปลาที่มากเกินไปเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พวกมันสูญเสียอาหาร นอกจากนั้นพวกมันต้องเผชิญกับภาวะมลพิษ และจากการจราจรทางเรือที่คับคั่งทำให้พวกมันชนกับเรือและยังสับสนในการใช้ คลื่นเสียงหรือโซนาร์ในการค้นหาอาหาร รวมทั้งได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าด้วย

กระทิงแดง

กระทิงแดง เป็นวัวป่าชนิดหนึ่งที่พบได้พบในทวีปเอเชียแถบประเทศอินเดีย พม่า อินโดจีน มาเลเซียและไทย มีรูปร่างคล้ายวัว ขนสั้นเกรียนเป็นมันสีดำหรือแกมน้ำตาล ขาสีขาวนวลคล้ายสวมถุงเท้า บริเวณหน้าผากมีหน้าโพธิ์สีเทาปนขาวหรือปนเหลือง สันกลางหลังสูง มีเขาทั้งตัวผู้และตัวเมีย เขาโค้ง โคนเขามีสีเหลือง ปลายเขาสีดำ ใต้ผิวหนังมีต่อมน้ำมันซึ่งน้ำมันมีกลิ่นฉุนเล็กน้อย ชอบอาศัยอยู่ตามป่าดงดิบที่อยู่ห่างไกล ทั้งป่าทุ่งหญ้าและป่าภูเขา ตามปกติไม่ดุร้ายเว้นแต่ถูกทำร้ายหรืออยู่ในระหว่างฤดูผสมพันธุ์ ส่วนใหญ่มักอยู่รวมกันเป็นฝูงและไม่ชอบนอนแช่ปลักเหมือนควาย และกระทิงเป็นสัตว์อีกชนิดที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ปัจจุบันคาดว่ามีกระทิงอยู่ทั่วโลก 13,000-30,000 ตัว ประชากรของกระทิงลดลงอย่างต่อเรื่องจากการล่าและสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัย นอกจากนี้กระทิงยังเสี่ยงที่จะติดโรคจากวัวควายของชาวบ้าน เช่นโรคปากเท้าเปื่อยและโรครินเดอร์เพสต์

ปลาฉลาม

ปลาฉลาม สัตว์ที่ได้ฉายานามว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ใต้ทะเล แต่กระนั้นปัจจุบันมันก็เริ่มกลายเป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์เนื่องจากการล่า เพื่อนำครีบปลาฉลามไปทำอาหาร ในชื่อที่คนเรารู้จักกันดีในนามหูฉลาม ซึ่งครีบที่ว่ารวมด้วยครีบหลัง สองข้างตัว และครีบหางปลา เป็นต้น ซึ่งความจริงแล้วหูฉลามนั้นไม่มีรสชาติอะไร หูฉลามที่เรากินทุกวันนี้มาจากการปรุงรสต่างหาก อีกทั้งหูฉลามไม่มีคุ้นค่าทางอาหาร แต่กับมีราคาสูงลิบลิ่ว

เนื่องจากหูฉลามนั้นมีราคาสูงและเป็นที่ต้องการของตลาด ทำให้การล่าปลาฉลามยิ่งหนักขึ้นทุกวันๆ ปลาฉลามถูกฆ่าจำนวนมาก ทำให้จำนวนปลาฉลามทั้งโลกนั้นลดฮวบลงอย่างรวดเร็ว บวกกับการแพร่พันธุ์ของปลาฉลามนั้นไม่มากเท่าไหร่นัก กว่าปลาฉลามจะโตถึงวัยผสมพันธุ์ ต้องใช้เวลา 10-15 ปี ส่วนใหญ่ก็จะผสมพันธุ์วางไข่กันหนึ่งครั้งต่อสองปี ด้วยเหตุนี้เอง ปลาฉลามจึงต้องเผชิญกับปัญหาสูญพันธุ์ที่กำลังคืบคลานเข้ามา โดยองค์การอนุรักษ์ธรรมชาติแห่งโลกได้ทำการคาดประมาณเอาไว้ในปีหนึ่งว่า การค้าขายปลาฉลามทั่วโลกนั้นมีมากถึง 1แสนตัน ทุกๆ ปีปลาฉลามที่ต้องถูกฆ่ามีมากถึง 38-70 ล้านตัว ! อีกทั้งวิธีการที่จะได้ครีบฉลามก็โหดร้าย เพราะเมื่อชาวประมงเมื่อจับปลาฉลามมาได้แล้ว ก็จะกรีด ครีบบนลำตัวทั้งหมด ออกมาทั้งเป็นๆ แล้วก็นำปลาฉลามไร้ครีบที่ยังมีชีวิตอยู่ ที่เต็มไปด้วยบาดแผล ถูกทิ้งกลับลงไปในทะเล เนื่องจากว่าครีบทั้งหมดของมันได้ถูกตัดออกไปแล้ว มันจึงไม่สามารถว่ายน้ำ ไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้เลย ได้แต่จมอยู่ใต้ทะเล รอความตายที่จะมาเยือน และโดยส่วนใหญ่พวกมันจะต้องทนทุกข์ทรมานอยู่หลายวัน จึงจะตายด้วยความหิว !

---

ที่มา : http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2011/04/X10482727/X10482727.html
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

ผู้ชมหน้านี้ :