“ฮอร์โมนเร่งสาว” สวยซ่อนพิษที่ “กะเทย” ต้องระวัง !

 "กะเทยช็อคตาย! กลางห้างดัง อยากสวยกินฮอร์โมนเพิ่มนม" นี่คือพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ที่เคยกลายเป็นข่าวช็อกวงการในกลุ่มสาวประเภทสอง หรือกลุ่มกะเทยไทยเป็นอย่างมากมาแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มที่นิยมกินยาลดหุ่น และฮอร์โมนเสริมสา
ว เพื่อสร้างสรีระให้คล้ายผู้หญิง เช่น เพิ่มนม ลดขน ลดสะโพก โดยใช้ยาแบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และไม่ได้อยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จนเกิดผลร้ายต่อร่างกาย และเสียชีวิตในที่สุด




       
       สำหรับความงามซ่อนพิษที่กะเทยอาวุโส และกะเทยลูกเจี๊ยบหัวเกรียน นิยมใช้กันในปัจจุบัน ยังคงหนีไม่พ้น การกินยาคุมกำเนิด เพราะมีความเชื่อว่า จะเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิงในร่างชายให้มีเนื้อ และนมให้ใหญ่ เต่งตึงมากขึ้น แต่กว่าจะเห็นผลนั้น ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน ทำให้กะเทยส่วนใหญ่ไม่พอใจ และหันมาเลือกฉีดฮอร์โมนเร่งสาวเข้าสู่กระแสเลือดแทน เพราะราคาไม่แพง หาซื้อ และหาฉีดได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป
       
       -1-
       
       น้องริสซี่ (นามสมมติ) อายุ 22 ปี กระเทยมหา'ลัย ปี 4 เล่าให้ฟังว่า เริ่มกินยาคุม "ไดแอน" มาตั้งแต่อยู่ ม.1 ควบคู่กับ "โปกีโนว่า" ที่เป็นฮอร์โมนเพศหญิง ตกแผงละ 150 บาท โดยจะกินก่อนนอนทุกวันๆ ละ 1 เม็ด จากนั้น 3 ปีผ่านไปก็ได้รับคำแนะนำจากรุ่นพี่กะเทยให้เปลี่ยนจากกินมาเป็นการฉีดยาเสริมฮอร์โมนสาว "โปกินอน" และ "โปลูนอน" แทน ซึ่งจะฉีดอาทิตย์ละครั้ง เห็นผลเร็ว เช่น ผิวขาวขึ้น หน้าเรียวเล็กเหมือนผู้หญิง ขนตามร่างกายจะหายไป สะโพกใหญ่ขึ้น หน้าอกเต่งตึง ซึ่งได้ผลดีกว่ายาคุมกำเนิดที่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือนถึงจะเห็นผล




       "การฉีดยาชนิดนี้ต้องใช้คู่กันทั้ง 2 ชนิด ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 เกรด คือ เกรดเยอรมัน และเกรดอินเดีย ราคาจะแตกต่างกัน เกรดเยอรมันจะแพงหน่อย ตกหลอดละ 200 บาท ส่วนเกรดอินเดียจะตกหลอดละ 70 บาท ตัวหนูเองจะฉีดเกรดอินเดีย เพราะถูกดี จากนั้นจะเอาไปให้หมอที่คลินิกฉีดให้บริเวณสะโพก มีค่าเข็มๆ ละ 40 บาท ซึ่งบางแห่ง หมอจะไม่ฉีดให้ เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตราย และไม่มั่นใจในคุณภาพของยาที่เราซื้อมา" ริสซี่เล่าประสบการณ์
       
       นอกจากฉีดฮอร์โมนเสริมสาวดังกล่าวแล้ว เธอยังกินอาหารเสริม และฉีดวิตามิน C บริเวณต้นแขน เข้าสู่เส้นเลือดอีกด้วย แต่ละครั้งที่ฉีด จะใช้วิตามินทั้งหมด 4 หลอด ตกหลอดละ 5 บาท ซึ่งเธอบอกว่า ฉีดแล้ว รู้สึกมั่นใจ เดินไปไหน จะมีแต่คนชม คนมอง เพราะยาตัวนี้ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล หน้าใสปิ๊งเหมือนกับผู้หญิงแท้
       
       อย่างไรก็ตาม น้องริสซี่ ได้บอกถึงผลกระทบในระยะยาว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้ดีว่า ถ้าฉีดสารเร่งสวยเข้าสู่ร่างกายแล้ว ต้องฉีดอย่างต่อเนื่อง เมื่อหยุดฉีดจะโทรม และผิวเหี่ยว กลับสู่สภาพความเป็นชายในเวลาอันรวดเร็ว หรือเกิดการกลายพันธุ์ในที่สุด ดังนั้น การฉีดยาฮอร์โมนต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกครั้ง เพราะยาดังกล่าวอยู่ในประเภทยาอันตราย ถ้าใช้ในปริมาณที่มากเกินขนาด อาจทำลายตับ และเกิดเป็นมะเร็งได้ รวมถึงเกิดอาการช็อก และหมดสติในที่สุด
       
       สอดรับกับความคิดของ น้องหมวย (นามสมมติ) อายุ 20 ปี กะเทยสาว ฉายา "น้องปอย 2" สาวพริตตี้/โคโยตี้ตามงานอีเว้น เล่าว่า เริ่มกินยาคุมมาตั้งแต่อายุ 13 ปี (ม.1) เช่น เมอซิลอน ไดแอน และพรีม หลังจากนั้นจึงหันมากินฮอร์โมนโปกีโนว่า (เพิ่มเอสโตรเจน/ฮอร์โมนเพศหญิง) และแอนเดอคัวร์ (เป็นยาต้านแอนโดรเจน ซึ่งจะห้ามฤทธิ์ของฮอร์โมนเพศชาย (แอนโดรเจน) ควบคู่กันไป พอขึ้นระดับปวช.ได้รับคำแนะนำจากรุ่นพี่กะเทยให้ฉีดโปกินอน และโปลูนอน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเร่งให้เป็นผู้หญิงเร็วขึ้น โดยจะเร่งนม เร่งผิว สร้างหุ่นได้ผลดีกว่าการกินยาคุม ส่วนใหญ่จะซื้อแถวย่านศิริราช ตกคู่ละ 70-90 บาท จากนั้นจะให้แพทย์ตามคลินิกฉีดให้ ฉีดเดือนละ 2 ครั้ง ทุกวันที่ 15 และวันที่ 30 ของเดือน
       
       "กะเทยม.ต้น ม.ปลาย และกระเทยมหา'ลัย นิยมหันมาฉีดฮอร์โมนตัวนี้กันมากหนูก็เป็นคนหนึ่งที่ฉีด เพราะเห็นผลเร็วมาก นมโต เด้ง ผิวสวย หุ่นเพรียวลง ซึ่งเร็วกว่ากินยาคุมด้วยซ้ำ แต่จะมีผลข้างเคียงสำหรับบางคนที่แพ้ยา เช่น ปวดหัว อาเจียน หรือผื่นขึ้น ส่วนผลระยะยาวก็พอทราบมาเหมือนกันว่า กินมาก และเกินขนาด อาจก่อให้เกิดมะเร็งได้ โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม แต่เท่าที่ทราบจากหมอ จะพบในผู้หญิงมากกว่า ส่วนสาวประเภทสองหมอบอกว่ายังไม่เคยมีงานวิจัย หรือข้อมูลรับประกันความเสี่ยง" น้องหมวยเล่า
       
       นอกจากอาชีพพริตตี้/โคโยตี้แล้ว น้องหมวย ยังรับงานพิเศษ ด้วยการขายยาฮฮร์โมนเพศให้กลุ่มสาวประเภทสองบนเว็บไซต์แห่งหนึ่งด้วย ซึ่งเธอแนะนำว่า กะเทยลูกเจี๊ยบ หรือกะเทยวัยกระเตาะส่วนใหญ่ ใจร้อนโดยจะกินยาคุม หรือฉีดยาเกินขนาด เพื่อเร่งความสวยให้เหมือนผู้หญิงเร็วที่สุด โดยไม่สนใจผลข้างเคียง จากการศึกษา และค้นคว้า ข้อมูลการกินยาจากผู้เชี่ยวชาญด้านยา การกินเอสโตรเจน (ฮอร์โมนเพศหญิง) มากเกิน 100 มิลลิกรัม จะทำให้ร่างกายเกิดความแปรปรวน และปรับสภาพไม่ทัน ส่งผลถึงระบบสมอง กลายเป็นคนสมองช้า หรือกะเทย "เอ๋อเหร๋อ" ได้
       
       ทางที่ดีควรใช้ปริมาณฮอร์โมนอย่างเหมาะสม ถ้าจะใช้ โปกินอน-โปลูนอน โปกีโนว่า (เพิ่มเอสโตรเจน/ฮอร์โมนเพศหญิง) หรือเอสโตรเจน และอื่นๆ ต้องกินไม่เกิน 100 มิลลิกรัม เมื่อมีปัญหา หรือผลข้างเคียง ต้องรีบปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญทันที เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดอันตรายต่อระบบภายในร่างกายได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าอยากสวยต้องสวยแบบมีสมองและมีสติ ไม่ใช้สวยเพราะความโลภ รวมทั้งหมั่นดูแลสุขภาพด้วยอาหารธรรมชาติ เช่น นมถั่วเหลือง ผัก และผลไม้ควบคู่ไปด้วย




       
-2-

       หลังจากพูดคุยกับกลุ่มสาวประเภทสองเกี่ยวกับการกิน และฉีดฮอร์โมนเร่งสาวดังกล่าวแล้ว จึงสอบถามไปยัง นพ.สำราญ อาบสุวรรณ ผู้ช่วยผู้ตรวจการกระทรวงสาธารณสุข อดีตสูติ-นรีแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งก็ได้คำอธิบายว่า ฮอร์โมนที่กลุ่มสาวประเภทสองใช้ส่วนใหญ่เป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ เมื่อฉีดหรือกิน ส่งผลให้ระบบความแปรปรวนของร่างกายผิดปกติ เพราะเป็นสารแปลกปลอม มีโอกาสทำให้ระบบยีนในร่างกายผิดปกติตามไปด้วย ถึงจะไม่ฉีด ระบบร่างกายตามธรรมชาติก็มีความเปลี่ยนแปลง หรือไม่สมดุลอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อฉีดสารเร่งสวยเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนเพศหญิง สารเร่งสาว ลดน่อง ลดหุ่น หรือสารสังเคราะห์ในรูปแบบต่างๆ จะยิ่งทำให้ยีนในร่างกายมีความผิดปกติ และมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งสูงมากกว่าคนที่ไม่ฉีดหลายเท่า
       
       "ผมฟันธงได้เลยว่า การที่ฉีดสารเร่งสาว เช่น ฮอร์โมน สารลดน่อง หรือสารที่ขายตามท้องตลาดทั่วไป มาใช้เพื่อเร่งปรับสภาพร่างกายให้คล้าย และสวยเหมือนผู้หญิงนั้น เป็นการใช้ยาเกินขนาด และไม่ได้ปรึกษาแพทย์ เป็นสารอันตรายที่สร้างภาพมายาในระยะสั้น แต่จะเกิดโทษหรือผลข้างเคียงในระยะยาว เช่น มะเร็งตับ หรือมะเร็งเต้านม โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม เห็นได้จากสถิติในต่างประเทศ ที่มีจำนวนตัวเลขผู้ป่วยในกลุ่มสาวประเภทสองสูงมาก เพราะเป็นยาอันตรายที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสังเคราะห์ และโปเจสโตรเจนสังเคราะห์ ซึ่งใช้รักษาโรคในสตรี" นพ.สำราญอธิบาย
       
       นอกจากนี้ นพ.สำราญยังแนะทางออกด้วยว่า ถ้ากลุ่มสาวประเภทสองอยากสวย และมีรูปร่างเหมือนกับผู้หญิง ให้หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอดูแลร่างกายด้วยการรับประทานอาหารสุขภาพ ลดปริมาณอาหารประเภทเนื้อสัตว์ให้น้อยลง และหันมาทานผัก และผลไม้แทน เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ที่มีกาก และใยอาหารจำนวนมาก เช่น ส้ม แอบเปิ้ล รวมถึงข้าวกล้อง และข้าวธัญพืช ที่สำคัญต้องพักผ่อนให้เพียงพอ อย่าให้ร่างกายต้องทำงานหนัก และเครียดจนเกินไป สิ่งเหล่านี้คือความสวยตามธรรมชาติที่ทุกเพศ ทุกวัยสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงในชีวิตประจำวัน
       
       อย่างไรก็ตาม คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า การฉีดสารเร่งสาว เช่น ฮอร์โมนเพศหญิงโปกินอน และโปลูนอน มีความจำเป็นในกลุ่มสาวประเภทสอง แต่จากข้อมูลวิวัฒนาการการคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่มีการเตือนสาวประเภท 2 ให้ระวังยาฉีดเร่งให้เป็นหญิงว่า ปัจจุบันสาวประเภท 2 นำยาฉีดประเภทฮอร์โมน 2 ชนิด ชื่อโปกินอน และโปลูนอน มาใช้ในการปรับสภาพร่างกายให้มีสะโพก หน้าอก โดยให้ผลค่อนข้างเร็วนั้น อย.แจ้งว่ายาดังกล่าวจัดเป็นยาอันตราย อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ และพบผู้ที่ใช้ยาจำพวกเอสโตรเจนเป็นระยะเวลานานมีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งทรวงอก (เต้านม) และมะเร็งตับได้

______________________________________________________________________
ที่มา : http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000007171  
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น