เมื่อฝรั่งบอกเมืองไทยไม่ได้ดังเพราะแกงเขียวหวาน...

ว็บข่าว globalpost.com ตีพิมพ์บทความสนุกๆ ของไอว่า โรเซ่ สก็อช เรื่อง Welcome to Bangkok: The fast-food makeover of Thailand's sex industry แปลหยาบๆ ได้ในทำนองที่ว่า “ขอต้อนรับสู่กรุงเทพฯ เมืองที่ปรับโฉมอุตสาหกรรมทางเพศเข้าสู่ยุคแดกด่วน” พูดถึงวิกฤติเศรษฐกิจ มีผลให้อุตสาหกรรมทางเพศในเมืองไทยต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด... เป็นบทความที่ใช้สำนวนและลีลาการนำเสนอแบบสนุกสนาน...



ภาพสาวบาร์ในย่านพัฒน์พงษ์ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2008 ถูกนำมาใช้ประกอบบทความของ ไอว่า โรเซ่ สก็อช เรื่อง Welcome to Bangkok: The fast-food makeover of Thailand's sex industry บนเว็บไซต์ globalpost.com



          ถ้าไม่ใช่คนไทย... ผมอ่านบทความนี้แล้วคงขำกันกลิ้งไปกลิ้งมาเหมือนกัน...
          บทความนี้เริ่มต้นโดยบอกว่า ไม่ใช่ไอเดียที่ดี หากคุณจะบอกใครในเมืองไทยว่าคุณมีอาชีพเป็น “ฟรีแลนเซอร์”... ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเขียนฟรีแลนซ์, ช่างภาพฟรีแลนซ์, กราฟฟิกดีไซน์ฟรีแลนซ์ ฯลฯ
          เพราะคำๆ นี้ ในเมืองไทยมีความหมายเพียงอย่างเดียว คือหมายถึง “โสเภณีอิสระ” เป็นสาวไซด์ไลน์ที่ทำงานโดยไม่ผูกตัวเองกับบาร์ หรือคลับไหนๆ



          ดังนั้น หากป่าวประกาศให้ใครได้ทราบว่าคุณ “กำลังมองหาฟรีแลนเซอร์” มาร่วมงานล่ะก็... คุณอาจจะได้มากกว่าที่ต้องการ...
          เว้นแต่ว่า คุณมาเมืองไทยด้วยวัตถุประสงค์เดียวกับผู้ชายอีกนับล้านคนทั่วโลก...
          เพราะจะว่าไปแล้ว กรุงเทพฯ ไม่ได้ฉายาว่าเป็น “เมืองหลวงของเรื่องใต้สะดือ” เพราะคนที่นี่เขาปรุงแกงเขียวหวานได้อร่อยสุดยอดหรอก...
          ถ้าไม่ใช่คนไทย อ่านถึงตรงนี้ก็คงขำกันพุงกระเพื่อมอีกรอบ...
          เขาบอกว่า เมืองไทยกลายเป็นศูนย์กลางแห่งอุตสาหกรรมทางเพศเพราะพฤติกรรมของคนที่ยอมรับการออกเดทแบบมีค่าใช้จ่าย (compensated dating) กันแบบเปิดเผย... ขนาดที่เป็นรู้กันทั่วโลกตะวันตกว่า หนุ่มหัวใจเปลี่ยวสามารถบินเดี่ยวมาเวเคชั่นที่ประเทศไทยได้โดยลำพัง แล้วไป “เช่า” คู่เดทที่เป็น “ฟรีแลนเซอร์” เอาข้างหน้าได้ตามระยะเวลาที่คุณต้องการ จะแค่สุดสัปดาห์เดียว ตลอดสัปดาห์ หรือทั้งเดือนก็ตามแต่... โดย “เกิร์ลเฟรนส์” ผู้น่ารักของคุณจะตามใจทุกอย่าง ทั้งเป็นเพื่อนเที่ยว เพื่อนกิน และเพื่อนนอนที่ดีของคุณ
          แต่ปัจจุบัน ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมทางเพศของไทย เพราะปัญหาเศรษฐกิจฝืดเคือง ทำให้นักเที่ยวกระเป๋าหนักลดน้อยลง
          อย่าว่าแต่เช่าเวลากันทั้งสัปดาห์หรือสุดสัปดาห์เลย แค่ “ค้างคืน” ยังยากเลย... ว่างั้น
          นั่นทำให้ “คนในวงการ” ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดกันทุกวิถีทาง เช่น บาร์ต่างๆ ก็ตั้งกฎเหล็กกับสาวบาร์ว่าจะต้องทำแต้มให้ได้เท่านั้นเท่านี้ในแต่ละเดือน หาไม่จะต้องเสียค่าปรับ... ขณะที่ “สาวฟรีแลนซ์” ก็ปรับการซื้อขายแลกเปลี่ยนให้ เป็นไปในลักษณะของ “ฟาสต์ฟู้ด” มากขึ้น


          บทความยกตัวอย่างด้วยว่า มีการเสนอบริการเป็นครั้งๆ (per session) ด้วย...
          บอกว่าความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ไม่ใช่กระทบแต่ “คนขาย” เท่านั้น คนซื้อที่ไม่รู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก็เดือดร้อนเหมือนกัน...
          พร้อมยกตัวอย่างหนุ่มอังกฤษคนหนึ่ง ชื่อ “แจ็ค” ที่บอกกับคนเขียนว่าเจอกับความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมทางเพศในกรุงเทพฯ แบบไม่รู้เหนือรู้ใต้... งงไม่หายจนถึงวันนี้
          บอกว่า แจ็ค ซึ่งเป็นหนุ่มโสด เกิดรู้สึกเงียบเหงาโดดเดี่ยวขึ้นมาในคืนหนึ่งระหว่างอยู่ในกรุงเทพฯ จึงตัดสินใจควักกระเป๋าแลกกับความบันเทิงแบบสุดเหวี่ยงกับสาวไทยตามแบบที่ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมานาน... วางแผนในหัวต่างๆ นานาว่าจะทำอะไรบ้างในค่ำคืนนั้น... แผนในหัวนี้ บอกด้วยว่าถ้าไปทำในยุโรป เขาจะกลายเป็นคนวิปริตผิดเพศไปโน่น...
          แจ็คบอกว่าเขาแฮปปี้มาก เมื่อพบสาวสวยคนหนึ่งยอมออกเดทกับเขาในราคาเพียงแค่ 30 ดอลลาร์ ราคานี้รวมถึงการ “ทำโน่นทำนี่” ด้วย... ซึ่งถ้าเป็นที่ยุโรปแล้ว แจ็คจะต้องเลี้ยงดินเนอร์-ไวน์ กับคู่เดทของเขานานเป็นเดือนกว่าจะถึงจุดนั้น...
          เขาคิดว่าค่ำคืนนั้น สวรรค์จะลอยลงมาอยู่แทบเท้าเขา... แต่เขาคิดผิด
          เพราะราคาที่ตกลงกันนั้น เป็นราคาของบริการที่เธอเรียกว่า “come and go night”
          ประมาณเจ็ดนาทีหลังจากแจ็คและสาวไซด์แลนด์คนนั้นเดินเข้าไปในโรงแรม เจ้าหล่อนก็ขับไล่ไสส่งแจ็คออกมา
          เขาถามว่าทำไม ในเมื่อเขาจ่ายค่าเวลาให้กับเธอทั้งคืนแล้ว...
          สาวเจ้าตวาดแว๊ดกลับมา...
          “ยูคัม ยูโก”...
          แล้วจบบทความแบบง่ายๆ ว่า “Only in Bangkok”
          อยากจะหัวเราะตามเจตนาของคนเขียน... แต่หัวเราะไม่ออก
          อยากจะโกรธคนเขียน แต่ก็โกรธไม่ลง เพราะเขาก็ไม่ได้เขียนอะไรเกินความจริง


          เครียดเข้า จึงเปิดเฟสบุ๊กดูความคืบหน้ากรณีธนบัตรใบละ 50 อีกครั้ง... เห็นล่าสุดมีคอมเมนท์ของหนุ่มคนหนึ่ง บอกว่า... “พี่บอกรัยเพิ่มให้ ใครถือธนบัตรห้าสิบบาทที่ออกใหม่ห่างจากสายตา 1 ฟุต หรี่ตาให้เล็กสุด ให้เห็นพระบรมฉายาทิสลักษณ์ลางๆ ดูว่ามันตั้งใจทำให้เหมือนใคร วงนอกเค้ารู้กันทั้งนั้นแหละ”
          คราวนี้หัวเราะขำในความไร้สาระของคนไทยได้เสียงดังเลย...
______________________________________________________________________
ที่มา : http://www.siamtownus.com/New-1202000160-1.aspx
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น