สีกากีระส่ำ “เด้ง” สังเวยส่วยน้ำกามเพียบ สน.โชคชัย พื้นที่ “ซ่องผู้การหมู”โดนด้วย


ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา


ตำรวจนครบาล “เป็นมวย”หลายโรงพักทยอยปิดซ่องป้องกัน “นอกหน่วย”ถล่ม ไม่เว้นซ่อง
เส้นแข็งของ “ผู้การหมู”เพิ่งปิดเมื่อค่ำวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมาหลังเกิดกระแสไล่จับซ่องโสเภณีและมีคำสั่งย้ายล้างบางในพื้นที่ภูธร 

หลังจากตำรวจระดับปฏิบัติการ หรือบรรดา ผกก. - สารวัตร ได้นั่งเก้าอี้ใหม่กันเรียบร้อยขบวนการเก็บส่วยต่างเริ่มออกแนะนำตัวมีทั้ง “ขอจับ”เพื่อใช้เป็นเกราะป้องกันตัว แต่อีกนัยหนึ่งคือแนะนำตัวในฐานะ “เจ้าที่”คนใหม่ซึ่งอาจจะมีค่าใช้จ่ายเท่าเดิมหรือต้องปรับราคาขึ้นตามแต่จะตกลงกัน




หลังทีมข่าว astv ผู้จัดการเสนอสกู๊ปข่าวดังกล่าวเพียงวันเดียวปรากฏว่ามีการจับกุมซ่องโสเภณี อย่างต่อเนื่องประเดิมเป็นรายแรกแต่สะเทือนไปทั้งวงการสีกากี คือ “ปฏิบัติการบัวแดง”ของนายนพวัชร สิงห์ศักดา พ่อเมืองอุดรธานี เมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมาโดยนำทีมฝ่ายปกครองกวาดจับซ่องโสเภณีภายในซอยกิจขยัน หรือเสาไฟแดง ถนนวัฒนานุวงศ์ หลังรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนว่าซอยดังกล่าวเป็นแหล่งขายเนื้อสดมีนักเที่ยวเดินเข้า-ออกทั้งวันทั้งคืนปรากฏว่าสามารถจับหญิงสาวจากประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาว 32 คนมีอายุต่ำกว่า 18 ปี 2 คนจึงแยกดำเนินคดีเพิ่มเติมข้อหาค้ามนุษย์ อย่างไรก็ตามแม้ทุกคนจะยืนยันว่าสมัครใจเข้ามาขายบริการทางเพศโดยไม่มีใครบังคับชุดปฏิบัติการยังได้ตรวจสอบหลักฐานการเข้าเมืองทั้งพาสปอร์ต บอร์เดอร์พาส ก่อนผลักดันให้กับประเทศต่อไป

ปฏิบัติการดังกล่าวถือเป็นการฉีกหน้าตำรวจอุดรธานี เป็นอย่างยิ่งเพราะมีการแจ้งท้องที่ล่วงหน้า อาศัยกำลังเจ้าหน้าที่ อส.โดยเฉพาะ ในการจับกุมยังพบโพยส่วยต่างๆอีกทั้งยังมีสาวลาวหลายคนข้องใจว่าส่งเงินส่วยให้กับตำรวจทุกเดือนตกคนละ 2,700 บาทต่อเดือนทำไมยังถูกจับ “ดาบแรก”พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ์ ผบช.ภ.4 มีคำสั่งย้าย 3 เสืออุดรฯประกอบด้วย พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.สุมิตร นันสถิต รองผกก.ป.พ.ต.ท.ขจรฤทธิ์ วงษ์ราช รองผกก.สส.

ต่อจากนั้นอีกเพียง 2 วันกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (ปคม.)ยกกำลังไปจับซ่องแอบแฝง คาราโอเกะไม่มีชื่อเลขที่ 345 ซอยข้างที่ว่าการอำเภอสามหมอ จ.อุดรธานี ได้หญิงสาวชาวลาวเป็นผู้ต้องหา 2 คนกับผู้ดูแลและแม่เล้าชาวไทย มีรายงานข่าวด้วยว่าคาราโอเกะ หรือซ่องดังกล่าวนั้นเปิดบริการอย่างโจ่งครึ่มโดยรั้วด้านหนึ่งติดกับโรงพักสามหมอ วันที่ 31 ม.ค.ผบช.ภ.4 ทนไม่ไหวออกคำสั่งย้ายพล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผบก.จว.อุดรธานี ขาดจากตำแหน่งไปประจำ ศปก.ภ.4 สังเวยขบวนการค้าเนื้อสดอย่างเจ็บแสบที่สุด

ที่ฮือฮาไม่แพ้กันคือกรณีทหารสนธิกำลังกับฝ่ายปกครองไปตรวจค้นร้าน “น้องพิมคาราโอเกะ”เลขที่ 177/34-35 ซอยโรงแรมตำหนักลาว ต.รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี หลังสืบทราบว่าเป็นแหล่งมั่วสุมค้าประเวณี พบเด็กสาวชาวลาว 6 คน และสมุดบันทึกรายจ่ายค่าส่วย โดยขึ้นหัวเป็นลายมือเขียนด้วยปากกาสีแดงว่า “ชำระค่าบริการของรัฐ”เมื่อวันที่ 30 ม.ค.ต่อมาวันที่ 31 ม.ค.พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 ออกคำสั่งย้ายนายตำรวจที่เกี่ยวข้องรวม 7 รายให้ไปปฏิบัติหน้าที่ ศปก.ตร.ภภ.1 คือพล.ต.ต.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบก.จว.ปทุมธานีพ.ต.อ.วารินทร์ ทองตรา รองผบก.ฯ พ.ต.อ.นิรุธ ประสิทธิเมตต์ผกก.สภ.ธัญบุรี พ.ต.ท.นุกูล อุ่นทรัพย์ รองผกก.สส. พ.ต.ท.วศินชัย ชุมแสง รรท.รองผกก.ป. พ.ต.ท.สุรเชษฐ อเนกศรี สวป.พ.ต.ท.พีรศักดิ์ สวยสม สว.สส.โดยให้ขาดจากตำแหฟน่งเดิมทันทีกว่าการสอบสวนจะเรียบร้อย

รายต่อมา พ.ต.อ.ชัยยันต์ เบญจาทิกุล รองผบก.นครสวรรค์ มีคำสั่งย้ายพ.ต.อ.สนั่น ดงเวหน ผกก.สภ.ไพศาลี ไปปฏิบัติการศูนย์ ศปก.ตร.นครสวรรค์โดยให้ขาดดจากตำแหน่งเดิมตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.เพราะพบควงความบกพร่องกรณีปล่อยให้มีการค้าประเวณีในร้านอาหารแห่งหนึ่งจนเจ้าหน้าที่จาก ปคม.จับหญิงสาวชาวลาวที่แอบมาค้าประเวณีได้ 15 คน

ส่วนในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เกิดกรณีตำรวจนอกหน่วย หรือ ปคม.ไปล่อซื้อการค้าประเวณีที่ร้านนวดสปาร์ “แอทบาหลี”เลขที่ 473 ถนนนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิตพรามณกุล ผบช.น.ลงโทษสถานสถานเบาด้วยการย้ายไปช่วยราชการที่ ศปก.นครบาลเป็นเวลา 30 วันโดยยังไม่ขาดจากตำแหน่งเดิม

นอกจากนั้นยังมีโรงพักในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ต้องโดนข้อหาเดียวกันอีก 2 แห่งคือ สน.บุคคโล และสน.โชคชัย โดยรายแรกตำรวจ ปคม.เข้าตรวจค้นร้านเชป คลับแอนด์สปา เลขที่ 72/3 ถนนสมเด็จเจ้าพระยา แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กทม.ได้หญิงสาวลักลอยค้าประเวณี 3 ราย พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิตพรามณกุล ผบช.น.ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของพื้นที่จึงพิจารณาสั่งย้ายด่วนไปช่วยราชการ ศปก.น. 30 วัน ส่วน สน.โชคชัย พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง ผบก.น.4 มีคำสั่งย้ายพ.ต.อ.ชัยรพ จุณวัตต์ ผกก.สน.โชคชัย ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.น.4 เป็นเวลา 30 วันหลังจากเจ้าหน้าที่ ปคม.บุกเข้าจับสถานบริการ “ไอยรา” ตั้งอยู่ริมถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา พบว่ามีการค้าประเวณีในรูปแบบนวดแผนโบราณตรวจสอบพบว่ามีสถานบริการหลายแห่งในพื้นที่ลักลอบเปิดให้มีการค้าประเวณีเช่นกัน

มีรายงานด้วยว่าเฉพาะสถานบริการหลายแห่งในพื้นที่ สน.โชคชัย นั้นส่วนใหญ่มีตำรวจของ สน.โชคชัย ในอดีตที่เคยย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ร่วมลงทุนเป็นหุ้นส่วนด้วยเช่นสถานบริการ “ไอยรา”ที่ถูก ปคม.บุกจับ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าสถานบริการอื่นๆเช่นซ่องๆไฮโซ ซอยลาดพร้าว 73 ของนายพลคนดัง หรือนวดแผนโบราณ “เรือนพระยา”ซึ่งมีรูปแบบทำมาหากินเช่นเดียวกันกับบรรดานวดแอบแฟงทั้งหลายกลับไม่ถูกดำเนินการใดๆ แหล่งข่าวระบุว่าน่าจะเป็นเพราะ “เสี่ยกล้วย”จ่ายถึงจึงอยู่รอดปลอดภัยแต่ตอนนี้ก็ปิดเป็นการชั่วคราวไปแล้ว

ภาพรวมในการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ที่อาศัยความสมัครใจของหญิงสาวในช่วงนี้นับว่าเกิดกระแสหวาดกลัวกันพอสมควรโดยเฉพาะสถานบริการต่างๆที่อยู่ในลักษณะแอบแฝงให้บริการทางเพศต่างหามาตรการระมัดระวังกันมากขึ้น เช่นบรรดานวดแผนโบราณต่างๆหรือสถานนวดที่โฆษณาว่าใช้พริตตี้มาบริการนั้นบางส่วนได้นำป้ายข้อความดังกล่าวออกไป บางแห่งกำชับให้พนักงานให้รอบครอบและห้ามจ่ายเงินกับแคชเชียร์อย่างเด็ดขาดเพราะอาจมีความผิดตามข้อกฎหมาย หากแขกนักเที่ยวต้องการหลับนอนด้วยก็ให้ตกลงกับพนักงานหรือรับความเสี่ยงเอาเอง

สำหรับซ่องอิทธิพลซอยลาดพร้าว 73 ท้องที่รับผิดชอบ สน.โชคชัยจากการลงพื้นที่ของทีมข่าวอาชญากรรม astv ผู้จัดการเมื่อตอนค่ำที่ผ่านมาปรากฏว่าซ่อง “ผู้การหมู”ปิดตัวเองเป็นการชั่วคราวเช่นกัน มีเพียงคนดูแล 3-4 คนนั่งล้อมวงกินเหล้าและปิดไฟโดยรอบเมื่อมีลูกค้าเข้ามาสอบถามก็ได้รับคำตอบว่าตอนนี้ลมกำลังแรงอีกสองสามวันจะเปิดบริการอีก มีรายงานแจ้งด้วยว่าทำเลที่ตั้งของซ่องลาดพร้าว 73 อยู่ใกล้บ้านพักพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงไม่เกิน 100 เมตร เรียกว่าอยู่หลังบ้านเลยก็ว่าได้ซึ่งในแต่ละวันจะมีทหารมาเฝ้าสังเกตการณ์2-3 นายและหน้าบ้านจะมีรถฮัมวี่จอดดูแลความเรียบร้อยด้วย

จากการสืบค้นข้อมูลทราบว่าซ่องไฮโซ หรือซ่องอิทธิพลของ “ผู้การหมู”นั้นได้มอบหมายให้ “ศักดิ์ ปากพนัง”เป็นคนดูแล แต่เดิมเคยเปิดอยู่ซอยลาดพร้าว 20 ใช้ชื่อ “ครัวภูเก็ต”ต่อมาย้ายมายังอาคารจิตราเพลส ใช้ชื่อ “ครัวดำเนิน”ลักษณะบริการเปิดเป็นห้องอาหาร มีดนตรีเบาๆและมีแอบแฝงบริการทางเพศซึ่งในระหว่างนั้นเคยมีตำรวจกองปราบปราม เข้าไปจับกุมทำให้กิจการต้องปิดไปและมาเปิดใหม่ที่อาคารศุภมิตรแมนชั่น ฝั่งตรงข้ามตลาดลาดพร้าวสะพาน 2 กระทั่ง “ศักดิ์ ปากพนัง”(พ่อเล้าดาวรุ่งมาแรงที่สมญานามไปพ้องกับนักเพลงลูกทุ่ง)มารู้จักกับ “ผู้การหมู”และให้การสนับสนุนมาเปิดยังตึกแถวใกล้อาบอบนวด วี 2 ก่อนย้ายมาอีกครั้งคราวนี้อยู่อย่างถาวรมาเกือบ 10 ปีที่ปากซอยลาดพร้าว 73 สามารถทะลุไปถึงลาดพร้าว 71 และอยู่ใก้ลบ้านพัก “บิ๊กป้อม”เพียงแค่ถนนกั้น



ที่มา : http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9580000013128
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

ผู้ชมหน้านี้ :

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น