ฟันของคนเราสี อะไร และสาเหตุที่ทำให้ฟันไม่ขาว

โดยปกติแล้วฟันของคนเรานั้นจะมีสารเคลือบผิวฟันซึ่งจะทำให้ฟันขาว  และชั้นเคลือบผิวฟันนั้นก็จะ
ช่วยป้องกันการสึกกร่อนของฟันที่เกิดจากการบดเคี้ยว แต่ด้วยระยะเวลาของการใช้ฟันของคนเรานั้นมีระยะเวลาที่นานจึงทำให้ชั้นเคลือบผิวฟันนั้นถูกทำลายไปได้ และส่งผลให้ฟันนั้นเป็นสีเหลือง และนอกจากนี้ยังมีการสะสมของคราบหินปูนบริเวณคอฟันซึ่งนี้ส่งผลให้ฟันนั้นมีสีไม่ขาวสะอาด 

ซึ่งการแก้ปัญหาในการสะสมคราบหินปูนนั้นสามาระแก้ไขได้โดยการขัดหินปูน แต่ทั้งนี้ การขัดหินปูนก็จะช่วยแค่ทำให้ฟันดูสะอาดขึ้น แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้ฟันดูขาวขึ้นได้เลยทีเดียว การแก้ปัญหาหากมีฟันเหลืองนั้นควรที่จะได้รับการรักษาโดยการฟอกสีฟัน ซึ่งการฟอกสีฟันจะช่วยขจัดคราบหินปูนและเศษอาหารซึ่งเมื่อทำการฟอกสีฟันแล้ว ฟันคุณจะดูขาวสะอาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

สาเหตุที่ทำให้เกิดคราบหินปูนและฟันไม่ขาว
-    การรับประทานอาหาร สำหรับผู้ที่ชอบดื่มชา กาแฟ ไวน์ หรือเครื่องดื่ม และอาหารที่มีสีจัดจ้าน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้เกิดการสะสมของคราบต่างๆ และการดื่ม หรือรับประทานอาหารที่เปรี้วยจัด หรือเป็นกรด เช่นโซดา มะนาว เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้เกิดการกัดกร่อนสารเคลือบฟัน ทำให้สีของฟันเปลี่ยนได้
-    สูบบุหรี่ สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่จะสังเกตุว่าผู้ที่สูบมานานๆ จะมีฟันที่เหลือง ทั้งนี้เนื่องจากสารนิโคตินได้ทำปฏิกิริยากับฟัน ซึ่งทำให้ฟันเป็นสีน้ำตาลอย่างช้าๆ ฝังในชั้นเนื้อฟัน
-    อายุ  อายุที่เพิ่มมากขึ้นนั้นหมายถึงการใช้งานของฟันมันก็เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเมื่อเราใช้งานของฟันมาหลายๆปีก็จะส่งผลให้ฟันมีสีที่คล้ำขึ้น ซึ่งเกิดจากปัจจัยหลายๆอย่าง ทั้งการกิน การดื่ม การใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้นควรที่จะดูแลรักษา และพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
-    การนอนกัดฟัน เป็นสาเหตุที่ทำให้สารเคลือบฟันสึกกร่อนได้ และส่งผลให้ฟันนั้นมีสีที่คล้ำขึ้น
-    การใช้ยาและสารเคมี  การใช้ยาที่มีสารเตตร้าไซคลินจะส่งผลให้ฟันคล้ำและเป็นสีน้ำตาล รวมถึงการบริโภคฟลูโอลายในปริมาณที่มากเกินไปก็จะทำให้ฟันนั้นตกกระได้
นี้เป็นเพียงปัจจัยบางส่วนที่มีผลต่อการเปลี่ยนสีและเกิดคราบหินปูนของฟัน ซึ่งก็ยังมีปัจจัยอีกมากมายที่เรายังไม่ได้กล่าวถึง แต่ขางข้อที่กล่าวมานั้น ทุกคนสามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่นหลีกเลี่ยง ในการดื่มพวกชา กาแฟ ไวน์ อาหารที่มีสีจัด หรือถ้าหากเป็นคนชอบนอนกัดฟัน ก็ควรจะหาวิธีแก้ไข เป็นต้น นี้เป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องทำการฟอกสีฟัน ก็เพื่อให้ฟันของเราขาว สะอาดพร้อมขจัดคราบหินปูน และยังช่วยให้เรามีความมั่นใจในการยิ้มมากขึ้นอีกด้วย

ในแวดวงทันตกรรมยังไม่มีมาตรฐานแน่นอนในการวัดความขาวของฟัน รวมทั้งไม่มีคำตอบให้กับคำถามว่าฟันของเราจะขาวแค่ไหน เพราะฟันของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน อย่างไรก็ตามมีเครื่องมือที่ใช้วัดอย่างแพร่หลายคือ คู่มือเฉดสีฟัน
คู่มือเฉดสีของฟันแบ่งสีฟันออกเป็น 4 เฉดหลัก ได้แก่
  • A (น้ำตาลอมแดง)
  • B (เหลืองอมแดง)
  • C (เทา)
  • D (เทาอมแดง)
ในแต่ละเฉดก็ยังมีระดับความเข้มต่างๆ ซึ่งมีความละเอียดมากพอที่แต่ละคนจะสามารถเทียบสีฟันของตนเองได้
ในการใช้คู่มือนี้ แค่เพียงเทียบฟันของคุณกับสีในตาราง ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นให้คุณตัดสินใจว่าคุณต้องการให้ฟันขาวขนาดไหน
การที่ฟันของคุณจะขาวได้เพียงใดนั้นไม่สามารถกำหนดได้แน่นอน
การทำให้ฟันขาวนั้นไม่มีวิธีการที่แน่นอน บางคนอาจต้องการการเปลี่ยนแปลงแบบรวดเร็ว ในขณะที่บางคนอาจต้องการการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป อย่างเช่นผลลัพธ์จากการใช้ยาสีฟันฟอกฟันขาว หรือเจล ผลลัพธ์สุดท้ายก็ยังขึ้นอยู่กับสีฟันธรรมชาติของเรา ความทนทานต่อคราบ ตลอดจนวิธีการที่คุณเลือก ควรจำไว้ว่า

  • การเปลี่ยนแปลงแค่เพียง 2-3 เฉดสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดในรอยยิ้มของคุณ
  • ในขณะที่การฟอกฟันขาวสามารถทำให้ฟันขาวขึ้นได้ 9 เฉดหรือมากกว่า คุณทั่วไปมักจะเห็นความแตกต่างตั้งแต่ 2-7 เฉด
  • แต่ละกระบวนการมีข้อดีและข้อเสีย การฟอกฟันด้วยเลเซอร์และวิธีอื่น ๆ ที่ทำในคลินิคจะทำให้เห็นผลที่เด่นชัด แต่ก็จะมีค่าใช้จ่ายสูงมาก


ที่มา : http://www.pmdc-dental.com/
http://www.colgate.co.th/
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

ผู้ชมหน้านี้ :

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น