เยือนพะงันในวันธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา

     
หนาวนี้ออกไปสัมผัสความสวยงามของท้องทะเลกันดีกว่า วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาเพื่อน ๆ แพ็ก
กระเป๋า ไปเที่ยวเบา ๆ ในวันธรรมดาที่ "เกาะพะงัน" เกาะท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของไทย และเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีสำหรับ ฟูลมูนปาร์ตี้ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ แต่ถ้าไม่มี ฟูลมูนปาร์ตี้ ล่ะ...ที่พะงันจะยังคงน่าเที่ยวอยู่หรือเปล่า วันนี้เราเลยถือโอกาสดีแวะไปสำรวจแหล่งท่องเที่ยวของพะงัน กับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในวันธรรมดาที่ไม่มี ฟูลมูนปาร์ตี้ มาฝากกันจ้า ส่วนจะมีที่ไหนน่าสนใจบ้างนั้น ออกเดินทางไปสำรวจพร้อม ๆ กันเลย



          แต่เอ๊ะ ! ก่อนแวะไปเที่ยวกันนั้น เราขอพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับเกาะพะงันให้มากขึ้น กับประวัติความเป็นมาคราวของที่นี่กันก่อนดีกว่าค่ะ ไปเที่ยวพะงันทั้งทีก็ต้องมาทำความรู้จักที่นี่กันก่อน
เที่ยวพะงัน

          เกาะพะงัน นับเป็นเกาะขนาดใหญ่เคียงคู่กับเกาะสมุย ตั้งอยู่ในทะเลอ่าวไทยบริเวณที่เรียกว่าช่องอ่างทองของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ในประเทศไทยรองจากเกาะภูเก็ต เกาะสมุย เกาะช้าง และเกาะตะรุเตา โดยมีพื้นที่ 122 ตารางกิโลเมตร สำหรับชื่อของเกาะพะงันนั้น มีที่มาอยู่หลายแหล่ง บ้างก็ว่ามาจากภาษาแขกหรือภาษามลายู เรียก สันดอนดินทราย ว่า "ราฮัน" แปลว่า "เงาตะคุ่ม" และภายหลังมีคนเรียกเพี้ยนไปจนเป็นคำว่า "พงัน" ในขณะที่อีกความเชื่อหนึ่งเชื่อว่าเกาะแห่งนี้มีชื่อเก่าเรียกขานกันมาอยู่แล้วว่า "เกาะงัน" ซึ่งเป็นภาษาถิ่นหมายถึงสันดอนดินทรายที่มักจะผุดโผล่ขึ้นมารอบ ๆ เกาะในช่วงเวลาน้ำลด อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเกาะแห่งนี้ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า "หลังงัน" ภายหลังจึงมีคนเรียกเพี้ยนมาเป็น "พงัน" และต่อมาเมื่อมีการยกฐานะกิ่งอำเภอเกาะพงันขึ้นเป็นอำเภอ จึงมีการประวิสรรชนีย์กลายเป็นชื่อ "เกาะพะงัน" สืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน

          เกาะพะงัน ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติธารเสด็จ-เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเกาะที่สวยงามและมีความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศทางทะเล ด้วยน้ำทะเลสะอาดใส หาดทรายเนียนละเอียด ทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจของชาวต่างชาติอย่างมาก ยิ่งในช่วงคืนพระจันทร์เต็มดวงเกาะพะงันจะคึกคักเป็นพิเศษ เพราะเป็นสถานที่จัดงาน ฟูลมูนปาร์ตี้ กิจกรมริมหาดยามค่ำคืนระดับโลก ซึ่งจัดเป็นประจำในคืนที่พระจันทร์เต็มดวง ที่บริเวณหาดริ้น จึงเป็นที่ร่ำลือกันว่าเกาะพะงันนั้นเป็นสถานที่ชมพระจันทร์เต็มดวงได้งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

          และไม่ใช่เพียงแต่งานปาร์ตี้รื่นเริงและแสงจันทร์เท่านั้นที่ทำให้ผู้คนรู้จักเกาะพะงัน ความงดงามของธรรมชาติก็เป็นจุดเด่นอีกอย่างที่ทำให้นักท่องเที่ยวเลือกเดินทางมายังเกาะแห่งนี้ เช่น หาดศรีกันตัง ชายหาดเงียบสงบร่มรื่น ช่วงเดือนธันวาคม–มกราคม น้ำทะเลที่นี่จะสวยเป็นพิเศษ เพราะชายหาดสวยและน้ำใสกว่าเดือนอื่น ๆ หาดท้องนายปาน เป็นหาดที่สงบร่มรื่นบรรยากาศเป็นส่วนตัว เหมาะกับการเล่นน้ำ อาบแดด และทำกิจกรรมต่าง ๆ
 
          เอาล่ะ...ทำความรู้จักกันพอสมควรได้ ก็ได้เวลาเริ่มต้นออกเดินทางด้วยการเหินฟ้าไปยังสนามบินนานาชาติสมุย จากนั้นเดินทางไปที่ท่าเรือ เพื่อนั่งเรือเฟอร์รี่ไปยังเกาะพะงัน ซึ่งใช้เวลาเพียง 20 นาที
เที่ยวพะงัน
 
 
 
 
 
 
 
            หลังจากนั่งเรือมาอย่างรวดเร็วก็มาถึงแล้วจ้า...เกาะพะงัน 
 
 
 
 
 
 
          ก่อนจะเดินทางขึ้นไปบนเกาะพะงันเพื่อชมทะเลแหวกสันทราย ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหาดทรายสีน้ำตาลทองทอดยาวเป็นทางเดินจากเกาะพะงันไปยังเกาะม้า ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินข้ามไปเที่ยวยังเกาะม้าได้
 
 
 
 
 
          "เกาะม้า" นอกจากจะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามอย่างทะเลแหวกแล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งดำน้ำแบบสน็อกเกิลที่สำคัญของพะงันอีกด้วย ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจำนวนน้อยมากที่จะรู้ว่าที่เกาะพะงันนั้นก็ยังมีทะเลแหวกซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ อีกแห่งหนึ่ง เป็นทะเลแหวกอีกแห่งหนึ่งในประเทศไทยอยู่ที่บริเวณอ่าวแม่หาด ปรากฏเป็นสันทรายเชื่อมต่อไปยังเกาะม้าที่อยู่ห่างไประยะประมาณ 350 เมตร โดยปกติแล้วทะเลแหวกแห่งนี้จะเป็นสันทรายที่ปรากฏตัวอยู่ตลอดเกือบทั้งปี
 
 
 
 
           ทะเลแหวกที่เกาะม้านี้มีกำเนิดมาจากอิทธิพลของลมพัทธยาที่พัดเข้าสู่เกาะพะงันด้านตะวันตกเฉียงใต้ ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนตุลาคมของทุกปี แล้วพัดเอาทรายมากองรวมกันเกิดเป็นสันทรายทอดยาวจากหาดแม่หาดสู่เกาะม้าได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งสันทรายนี้อาจจะเกิดขึ้นสวยงามหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความแรงของคลื่นลมในฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ที่พัดอยู่ในเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมหรือที่ชาวบ้านเรียกว่าลมว่าวนั่นเอง
 
 
            อิ่มอร่อยกันสักนิดด้วยเมนูอาหารอร่อย ๆ ก่อนออกเดินทางไปเที่ยวกันต่อจ้า  
 
 
            สำหรับเกาะม้านี้ถือว่าเป็นจุดสำคัญที่สุดในการดำน้ำ ดูปะการังน้ำตื้น โดยพื้นที่ดำน้ำจะอยู่ทางด้านนอกของเกาะที่หันหน้าออกทะเล มีลักษณะเป็นหน้าผาหินสูงชัน มีปะการังที่พบอยู่ใต้ทะเลหลายชนิดในกลุ่มปะการังแข็ง เช่น ปะการังเขากวาง ปะการังสมอง ปะการังโขดหิน และปะการังเห็ด มักจะพบฝูงปลาหลากสีนานาชนิดอาศัยอยู่กับดงปะการัง ทั้งปลานกแก้ว ปลาสินสมุทร ปลาอินเดียนแดง ปลาสลิดหิน ปลาตะกรับลายเสือ รวมทั้งหนอนดอกไม้พู่ฉัตรที่มีสีสันสวยงาม
 

            จากนั้นเราแวะเดินทางตามรอยเสด็จประพาส ร.5 กับสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอย่าง "อ่าวธารเสด็จ" และ "น้ำตกธารเสด็จ" ที่ในอดีตเมื่อปี พ.ศ. 2331 ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 เสด็จมาพักผ่อนพระอริยบถ ที่เกาะนี้ถึง 14 ครั้ง แถมที่นี่ยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ มีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก เพราะมีพลับพลาที่ประทับรัชกาลที่ 5 ซึ่งทรงใช้เป็นศาลาทรงงาน อีกทั้งยังมีทะเลและน้ำตกตั้งอยู่ไม่ไกลกันมาก เรียกได้ว่ามาที่เที่ยวสามารถดื่มด่ำความสวยงามได้ทั้งทะเลและน้ำตกเลยทีเดียว

 



            อ่าวธารเสด็จ ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติธารเสด็จ-เกาะพะงัน เป็นชายหาดที่มีพื้นติดกับน้ำตกธารเสด็จ ที่มีความสวยงามและน้ำทะเลใส คลื่นลมแรงเป็นบางครั้ง อีกทั้งยังเหมาะแก่การพักผ่อนและเล่นน้ำ อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ 25 กิโลเมตร
 
 
 
 
 
 
 
 
 
            น้ำตกธารเสด็จแห่งนี้หากเป็นเมื่อ พ.ศ. 2431 ก็น่าเชื่อว่าจะงดงามอุดมสมบูรณ์เป็นธรรมชาติยิ่งนัก เพราะแม้กระทั่งวันนี้กาลเวลาผ่านไปถึง 124 ปี ผืนป่าบริเวณน้ำตกธารเสด็จก็ยังอุดมสมบูรณ์ร่มรื่นสวยงามที่สุดบนเกาะพะงันไม่เสื่อมคลาย เพียงแต่ว่าฤดูแล้งวันนี้อาจจะมีน้ำท่าไม่อุดมสมบูรณ์เท่าวันวานคงสวยงามเฉพาะในฤดูฝนเท่านั้น แต่ก็นับว่าเป็นมนตร์ขลังและความมีเสน่ห์ที่มีมาแต่โบราณกาลโดยแท้ การเสด็จประพาสน้ำตกธารเสด็จในครั้งต่อ ๆ มาของพระองค์ก็เพื่อสรงน้ำที่ลำธารแห่งนี้ รวมทั้งยังเป็นแหล่งน้ำจืดในระหว่างเส้นทางการเดินเรือ ซึ่งทรงมีสายพระเนตรที่ยาวไกลสมกับการเป็นนักเดินทางและนักบุกเบิกผจญภัยโดยแท้
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
           ปัจจุบันการเดินทางเข้าไปเที่ยวยังน้ำตกธารเสด็จและอ่าวธารเสด็จนั้นสะดวกสบายขึ้นมาก เนื่องจากถนนที่ตัดข้ามเกาะพะงันก่อนถึงปากทางเข้าน้ำตกธารเสด็จ จากนั้นจะมีถนนลูกรังแยกเข้าสู่น้ำตกธารเสด็จระยะทางอีก 3 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติธารเสด็จ ซึ่งในช่วงฤดูแล้งรถปิกอัพสามารถเดินทางได้สะดวก ส่วนฤดูฝนยังต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น
 
 
 
 
 

            ระหว่างทางจากจุดแยกนี้ถือว่าเป็นดินแดนแห่งประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แล้วพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6, พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ตลอดจนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ก็ล้วนแต่เคยเสด็จประพาสมายังน้ำตกธารเสด็จแห่งนี้ โดยมีจารึกพระปรมาภิไธยย่อของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้ง 3 รัชกาล จารึกไว้บนแผ่นหินเรียงรายเป็นระยะริมธารเสด็จถึง 10 แห่ง ซึ่งอนุชนรุ่นหลังสามารถศึกษาหาความรู้ได้


            จากนั้นเราปิดท้ายวันแรกด้วยการแวะไปชม "หาดริ้น" ในวันที่ไม่มี ฟูลมูนปาร์ตี้ ที่นี่ก็ยังคงเงียบสงบ สวยงาม เหมาะสำหรับคู่รักมาท่องเที่ยวพักผ่อน ท่ามกลางบรรยากาศความโรแมนติกของการชมดาวริมทะเลได้เป็นอย่างดี
 
 
 
 
 
 
 
 
            เริ่มต้นวันที่สองของวันด้วยการออกเดินทางไปเที่ยวชม "งานเทศกาลพระจันทร์หลากสี"ในระหว่างวันที่ 9-13 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา ที่บริเวณบริเวณท่าเทียบเรือท้องศาลา เกาะพะงัน ซึ่งมีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจแวะมาท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก ภายในงานมีการออกร้าน และการสาธิตการทำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งเกาะพะงันเป็นเกาะที่มะพร้าวคุณภาพดีที่สุดในเมืองไทยเลยก็ว่าได้ เพราะลูกมะพร้าวจากเกาะพะงันเป็นมะพร้าวที่ได้มาตรฐาน GI (Geographical Indications) หรือมาตรฐานสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งวิจัยแล้วพบว่าเป็นมะพร้าวที่มีคุณค่าทางอาหารสูงมาก เนื้อหนานุ่ม เป็นมะพร้าวที่มีเนื้อ 2 ชั้น (ต่างจากเกาะอื่นในเมืองไทย ที่มะพร้าวมีเนื้อชั้นเดียว) แถมยังมีน้ำที่หอมอร่อย ไม่หวานจัด อุดมด้วยแร่ธาตุบำรุงสุขภาพ จนกลายเป็น "มรดกมะพร้าว" ที่มีการจัดตั้งรวมกลุ่มวิสาหกิจผลิตน้ำมันมะพร้าวกันทั่วทั้งเกาะ
 
 
 
 
 
           และอีกหนึ่งอย่างที่เกาะพะงัน ก็คือ การปลูกผักปลอดสารพิษด้วยการทำเกษตรอินทรีย์ เพื่อตอบรับการท่อง เที่ยวสำหรับคนรักสุขภาพ ภายใต้แนวคิด Organic Island โดยมีการรวมกลุ่มของชาวบ้านบนเกาะพะงัน ร่วมมือกันส่งเสริมการเพาะปลูกและจำหน่ายให้กับโรงแรม รีสอร์ท ที่พักทั่วเกาะพะงัน เป็นอีกหนึ่งอาชีพในการสร้างรายได้อีกด้วย
 
            บริเวณใกล้กันนั้นเราสามารถเดินทางไปสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งบริเวณใกล้ ๆ  ก็ได้เข้าชมนิทรรศการภาพสุดพิเศษ ซึ่งจัดแสดงกันภายใน เรือรบหลวงพะงันที่ชาวพะงันร่วมกันขอจากกองทัพเรือหลังปลดประจำการ มาตั้งแสดงไว้ โดยภายในเรือมีการจัดแสดงนิทรรศการภาพถ่าย และวีดิทัศน์บอกเล่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันของเกาะพะงัน
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
          และนอกจากมะพร้าวที่เป็นของดีพะงันแล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งผลิตกะปิชั้นดี ที่มีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 500 บาท อีกด้วย เพราะด้วยน้ำทะเลที่ใสสะอาดของเกาะพะงัน ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ รวมทั้งมีการอนุรักษ์ธรรมชาติ ด้วยการทำการรุนเคย ซึ่งใช้ไม้ไผ่, ตาข่ายและใช้แรงคนในการจับเคยเท่านั้น และที่พิเศษสุด ๆ ก็คือวิธีการทานกะปิที่ไม่เหมือนใคร ด้วยการนำกะปิมาทาลงบนกะลามะพร้าว นำไปย่างบนไฟจนกลิ่นหอม ก่อนจะนำมาทานกับน้ำพริกและผักเครื่องเคียงที่มีให้เลือกหลากหลาย (จนต้องบอกว่าร๋อยแรง ! เลยทีเดียว)
 
         นอกจากนี้ เราจะแวะไปเที่ยวอีกหนึ่งชายหาดที่มีชื่อเสียงของเกาะพะงัน นั่นก็คือ "หาดมาลิบู"ชายหาดส่วนตัวของที่พัก มาลิบู บีช บังกะโล  ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านโฉลกหลำ ซึ่งบริเวณหาดยังเปิดให้เป็นสถานที่จอดเรือประมง รวมทั้งเล่นกิจกรรมทางน้ำที่มีให้เลือกมากมาย อาทิ Kite Surf  
 
 
 
 
 
 
 
 


ที่มา : http://travel.kapook.com/view108307.html
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

ผู้ชมหน้านี้ :

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น