ความผิดพลาดของการเตือนภัยโรคระบาด กรณีข้าวมันไก่

กระแสข่าวลือเรื่อง พบเชื้ออหิวาต์ในข้าวมันไก่ เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องตระหนัก ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เรื่องของ
โรคระบาดเป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรีบออกมาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงกับสังคม เพื่อเป็นการป้องกันเหตุไม่ให้เกิดความตื่นตระหนก และทำให้คนในสังคมรู้แนวทางว่าจะปฏิบัติอย่างไรเพื่อหลีกเลี่ยงภัยจากเชื้อโรคอย่างทันท่วงที
การปล่อยให้ความไม่รู้ ความไม่เข้าใจ ยอมทำให้เกิดการคิดไปเอง นำไปสู่ความแตกตื่นของคนในสังคมได้ง่าย เรื่องการพบเชื้ออหิวาต์ในข้าวมันไก่จึงเป็นอุทาหรณ์อีกครั้ง ที่เตือนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรใส่ใจและสร้างความชัดเจนให้กับสังคมตั้งแต่แรก และที่สำคัญรัฐบาลต้องให้ความสนใจสนับสนุนในทุกๆด้านให้กับหน่วยงานที่รับผิดชอบไม่ว่าบุคลากร งบประมาณฯอย่างเพียงพอ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นการดูแลป้องกันสุขภาพของคนในรัฐ
เรื่องของการตรวจพบเชื้อโรคระบาดในข้าวมันไก่แท้จริงแล้ว คือ มีการเปิดเผยจาก นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค ที่ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสื่อฉบับหนึ่งคือ เดลินิวส์ ตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค. 57ว่า "พบการระบาดของโรคอาหารเป็นพิษ ตั้งแต่เดือน พ.ค.-ก.ย. 57 จากการตรวจสอบในเชิงลึกพบว่าเกิดจากการรับประทานข้าวมันไก่ถึง 15 เหตุการณ์ และเมื่อทบทวนรายงานการสอบสวนโรคของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.)เชียงใหม่ พบเชื้ออหิวาต์เทียม (Vibrio parahaemolyticus) ถึง 13 เหตุการณ์ ซึ่งเกิดจากก้อนเลือดไก่ ในข้าวมันไก่
และตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ธ.ค.พบรายงานการระบาดของโรคอาหารเป็นพิษที่เกี่ยวข้องกับไก่ และผลิตภัณฑ์จากไก่ในเขตรับผิดชอบของสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 ทั้งหมด 20 เหตุการณ์ จำนวน 1,410 ราย กระจายไป 7 จังหวัด ได้แก่ จ.กาฬสินธุ์ ขอนแก่น หนองบัวลำภู อุดรธานี บึงกาฬ มหาสารคาม และร้อยเอ็ด โดยพบการระบาดมากที่สุดในเดือน พ.ย.โดยกรมควบคุมโรคได้เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบซ้ำ"
จะเห็นได้ว่า การแพร่ระบาดที่กระจายตัวตั้งแต่ภาคเหนือ และ อีสานไม่น่าจะเป็นเรื่องปรกติ เหตุใดกรมควบคุมโรคถึงไม่เตือนภัยประชาชนอย่างเป็นทางการ เหตุใดจึงปล่อยให้มีข่าวลือออกไปในเรื่องดังกล่าวจนสร้างความตระหนกให้กับประชาชน...? แล้วจึงมาแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ มาสร้างความมั่นใจด้วยการกินไก่โชว์ ...
เรื่องความปลอดภัย การให้ความรู้เพื่อป้องกันโรคระบาดให้กับประชาชน ควรจะมาก่อนใช่หรือไม่...หรือเป็นเพราะความเกรงอกเกรงใจ...ผู้ผลิตไก่จะได้รับผลกระทบทางธุรกิจมากเกินไปหรือไร...?


ที่มา : http://news.sanook.com/1731121/
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

ผู้ชมหน้านี้ :

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น