ท่าน Sir Francis Galton ถือได้ว่าเป็นบุคคลแรกที่ทำการศึกษาและวิจัยเรื่องลายนิ้วมือและการนำมาใช้ในการระบุตัวบุคคล เป็นบุคคลแรกที่ทำการพิสูจน์ว่าลายนิ้วมือของแต่ละบุคคลมีลักษณะเฉพาะ และจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบอีกเลยตลอดชีวิตของบุคคลนั้นๆ นอกจากนี้ยังเป็นผู้กำหนดและแบ่งแยกประเภทของรูปแบบลายนิ้วมือที่ใช้กันอยู่จนถึงปัจจุบันนี้
ลายนิ้วมือของแต่ละคนนั้นมีลักษณะเฉพาะมาก จนกระทั่งแม้แต่คู่แฝดแท้ หรือฝาแฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวกัน ที่มีรูปแบบดีเอ็นเอ (DNA) หรือ่ข้อมูลทางพันธุกรรมเหมือนกัน แต่ความเป็นไปได้ที่ทั้งสองคนจะมีลายนิ้วมือทั้งสิบนิ้วเหมือนกัน มีเพียง 1 ส่วน 64 พันล้าน คนเท่านั้น1 ซึ่งรูปแบบของลายนิ้วมือ สามารถจำแนกออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
ลายมัดหวาย | ลายก้นหอย | ลายโค้ง |
รูปแบบลายนิ้วมือนี้สามารถแบ่งย่อยให้ละเอียดขึ้นไปได้เป็น ลายมัดหวายเอียงขวา (Right Loop) ลายมัดหวายเอียงซ้าย (Left Loop) ลายโค้งสูงแบบกระโจม (Tented Arch) เป็นต้น โดยที่ลายนิ้วมือแบบลายก้นหอย (Whorl) มีประมาณ 30% ลายนิ้วมือแบบลายมัดหวาย (Loop) มีประมาณ 65% และลายนิ้วมือแบบลายโค้ง (Arch) มีประมาณ 5%2
ทั้งนี้การแบ่งลายนิ้วมือออกเป็นหลายประเภทนี้ มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการเปรียบเทียบ หรือตรวจสอบลายนิ้วมือ แต่มิได้เป็นสิ่งที่ใช้ในการบอกความเหมือน หรือความแตกต่างระหว่างลายนิ้วมือแต่อย่างใด
ที่มา : http://www.funenglish.biz/Fun-English-Dermatoglyphics-Analysis/Finger-Print-Types.html
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ผู้ชมหน้านี้ :
0 ความคิดเห็น
เรื่องเด็ด น่าคิด น่าชม ที่ทุกที่ ทุกเวลา เรื่องเด็ด น่าคิด น่าชม ที่ทุกที่ ทุกเวลา 108thinks.blogspot.com