เล่าประสบการณ์รอดชีวิตจากสึนามิปี 2547


ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา

เรื่องเล่าจากผู้หญิงคนหนึ่ง.......................ที่ผ่านเหตุการณ์ ภัยพิบัติสึนามิ ในไทย ปี 2547  ลอง
อ่านกันดูครับ
เขียนงงๆ ตรงไหนก็ขออภัยเพื่อนๆทุกคนด้วยนะคะ เป็นความทรงจำเลวร้าย ที่ไม่เคยลืมลง ไม่เคยลบออกจากใจเลยค่ะ

ตอนนั้นเราอยู่ป.1 โรงเรียนคุณครูมีประชุมที่กรุงเทพฯ โรงเรียนเลยปิดยาวตั้งแต่วันที่20ธันวาคม จนถึงปีใหม่ เราเป็นคนจังหวัดกระบี่ค่ะ มีญาติอยู่จังหวัดพังงาเยอะมากๆ เราหยุดหลายวัน พ่อแม่ก็เป็นข้าราชการ เราก็เบื่อๆไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว พ่อกับแม่ก็เลยถามว่าจะไปอยู่โรงแรมของลุงกับป้ามั๊ย ชอบทะเลนี่ เราเลยตอบตกลงวันที่21 แม่ก็ไปส่งเราที่ตะกั่วป่าแล่วลุงกับป้าก็มารับไปอยู่ที่เขาหลัก ช่วงนั้นเป็นช่วงสิ้นปี ฝรั่งเยอะมากกก (ไม่ขอบอกชื่อโรงแรมนะคะ) เราก็เที่ยวเล่นตามประสาเด็กค่ะ วิ่งกับหมา เล่นกับลูกพี่ลูกน้อง ที่ชายหาด ในก๊วนเรามีเด็กนอร์เวย์กับเด็กสวีเดน มาเล่นกันด้วยเป็นสิบคน มีความสุขมากๆ ตามประสาเด็กๆนั่นแหละ จนวันที่24 คืนนั้นอากาศร้อนมากนอนไม่หลับ ขนาดเปิดแอร์ยังร้อนๆรุ่มๆ เราไม่ได้รู้สึกคนเดียวนะ ป้ากับลุงก็รู้สึก ลุกขึ้นมาทั้งบ้าน แต่ก็ไม่มีอะไร นอนต่อ เพราะว่าต้องตื่นมาช่วยจัดธีมคริสต์มาสอีก

เช้าวันที่25 ธันวาคม ปี2547 อากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใสมาก เราก็ไปช่วยลุงกับป้า กับคนในโรงแรม จัดคริสต์มาส ตอนนั้นเรารู้สึกแปลกๆมาก มันโหวงเหวง เหมือนจะไปไหนไกลๆ เราไม่สบายใจ โทรหาแม่ แม่ก็บอกว่าเล่นจนเหนื่อยรึเปล่า หรือว่าเบื่อแล้ว จะกลับบ้านมั๊ย จะให้พ่อมารับ เราบอกไปว่ายังสนุกกับเพื่อนๆอยู่ เพื่อนๆที่มาจากต่างประเทศ น่ารักทุกคนแม่ก็บอกว่า งั้นจะกลับวันไหนโทรมาบอกนะ เราก็ออก เออๆไป คืนนั้น ที่โรงแรมมีกิจกรรมปล่อยโคมส่งท้ายกัน บรรยากาศเงียบเหงามาก ไม่รู้เพราะว่าอะไร 4ทุ่มก็กลับบ้าน ไม่มีอะไร ดูทีวี นอน

วันที่ 26 ธันวาคม 2547
เราตื่นเช้าเป็นพิเศษ เพราะว่า นัดเพื่อนๆกับลูกพี่ลูกน้องไปก่อกองทรายกัน เรามาโรงแรมกับลุง ป้าจะตามมาทีหลัง 7โมงกว่าๆ นกบินเต็มท้องฟ้าเลย-  - เราก็นะ ไม่รู้เรื่อง ชวนเพื่อนไปไล่นก ที่หาด ลูกพี่ลูกน้องเราไม่ไป เราเลยไปกับ คีธ โบร์น่า เจสซี่ (เราจำได้ทุกคน) เราก็ไปวิ่งไล่นกกัน ที่นี้หมาเห่า เห่ารัวมาก หนวกหูสุดๆ เรากับเพื่อนๆเผือกวิ่งเข้าทะเลไปอีก- - (โถ....อีเด็กโง่) ไม่นานน้ำก็ลด ลดยาวเลย ปลาเต็มหาด ฝรั่งเค้าวิ่งมาดูกัน เราก็นะ ตื่นเต้นคนมาเยอะแยะ ทีนี้แผ่นดินไหว เด็กๆล้มทุกคน กลิ้งเลย โบร์น่า ก็ชี้ไปที่กลางทะเลเห็นเรือล่ม .......ตอนนั้นได้ยินเสียงคนกรีดร้อง มีคนอยู่บนเนินเขา ตะโกนลงมา go go run run   go away! !!!!! ลั่นไปหมด โกลาหลค่ะ วิ่งกันให้วุ่น คลื่นแรง มาเร็วมาก เราจำได้ว่าเราวิ่งจับมือกับคีธ และเจสซี่ โบร์น่าหายไปไหนไม่รู้TT วิ่งจนมาถึงเลียบ สระว่ายน้ำ เท่านั้นแหละ คลื่นมาไม่ยั้ง เราว่ายน้ำไม่เป็นด้วย


ตอนนั้นจมน้ำ ทรมานมาก ไม่รู้มีอะไร มาเกาะแกะ มาทับเต็มไปหมด หายใจไม่ออก เราตะกุยๆๆๆๆจนขึ้นมาเหนือน้ำ ทุกอย่างพังพินาศหมดเลย เราเกาะคาน ศาลาโรงแรมเอาไว้ กลัวมาก ร้องไห้ตลอด มือนึงเกาะ มือนึงจับสร้อยพระไว้แน่น ไได้ยินเสียงคนกรี๊ด เสียงร้องไห้ขอความช่วยเหลือระงมไปหมด เราคิดถึงแต่พ่อแม่ ลุงป้า จนมีฝรั่งใจดีว่ายน้ำฝ่ากระแสเข้ามาอุ้มเราไปบนอาคาร เราไม่เจอลุงกับป้า เจอลูกพี่ลูกน้อง กับโบร์น่า คีธ ซักพักก็มีคนอุ้มเจสซี่ขึ้นมา เจสซี่จมน้ำ ฝรั่งคนที่ช่วยเรา ไปผายปอดเจสซี่ แล้วพาเจสซี่วิ่งพาดบ่า จนเจสซี่รู้สึกตัว ตอนนั้นเฮกันทั่งกลุ่ม แล้วทีนี้เราก็วิ่งขึ้นไปที่ชั้น3 แต่ไม่ทันค่ะ คลื่นลูกที่2 พัดมา อาคารตัด เจสซี่ขึ้นไปกับกลุ่ม เรากับเพื่อนๆ และคนที่เหลือแตกกระจุย ไปหมด น้ำพัดแรงมาก เราแสบไปทั้งตัวเหมือนอะไรมาบาด ใต้น้ำ มองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น เรากลืนโคลนไปหลายอึกเลย ตอนนั้นเราคว้าอะไรได้ เราคว้าหมด คว้าต้นไม้ไว้ได้ ลืมตาขึ้นมา เราร้องไห้โฮเลย เห็นคนตาย ตึกพัง น้ำเป็นโคลนสีแดงไปหมด เราเห็น ลูกพี่ลูกน้องเราลอยไปต่อหน้าต่อตาแตาเราทำอะไรไม่ได้ ประโยคสุดท้ายที่พี่เราตะโกนมา บอกว่า หาน้องให้เจอ เราร้องไห้หนักกว่าเดิม เราเห็นคีธกับโบร์น่า เกาะเบาะมา เราเจอกันเกาะกันกลมเลย ร้องไห้ด้วยกัน

โบร์น่าจับมือเราแน่น แล้วบอกว่า plan of Jesus คีธร้องไห้บอกว่า where my mom dad and Lucas เราพูดไม่ออกร้องไห้ๆๆๆๆๆๆ เราสามคนช่วยๆกันตีขาพากันไปหาทีสูง ตอนนั้น เราช่วยเด็กๆไว้ได้เยอะมีเด็กๆมาเกาะต้นไม้กับพวกเรา 5-6 ไม่มีคนไทยเลย เห้ออออออ แล้วเราจะพูดยังไงล่ะนี่ คลื่นจนเจออาคาร ฝรั่งเยอะมากกก ช่วยกันลากพวกเราขึ้นไป กระแสน้ำเชี่ยวกราก โบร์น่ากับเด็กอีกคนโดนน้ำพัดจมลงไป ฝรั่งร่างใหญ่ลงน้ำไปช่วย เรากอดคีธ หวังโบร์น่า จะต้องขึ้นมาแล้วรอดแบบเจสซี่ แต่ไม่ทัน เด็กอีกคนรอด โบร์น่า ตาย หน้าซีด โคลนเต็มปาก เป็นภาพติดตา เรากับคีธ กรีดร้องกันสุดโต่ง ซวยซ้ำกรรมซัดค่ะ อาคารที่เราอยู่พังลงอีกครั้งพร้อใกับคลื่น ทุกคนตะโกนโหวกเหวกว่าให้ดำลงไปๆ 


เรานี่ดำพ่อเมริงดิ ว่ายน้ำไม่เป็น คีธกดหัวเราลงน้ำ สติหลุดเลย ไม่รู้อะไรมาชนเต็มไปหมด ทีนี้ตะขอเหล็ก ตะขอร้านโกเด้งเกี่ยวขาเรา เนื้อหลุด เราร้องจ๊ากเลย เนื้อหลุด จริงๆ เลือดเต็มไปหมด


คีธก็เรียกๆ อยู่อีกฝั่ง เราเกาะป้ายอยู่พักนึงน้ำก็ลดๆๆๆๆๆ จนเหลือแค่ข้อเท้า เรากอดคีธแน่น ร้องไห้พร้อมกันอีกแล้ว มองไปรอบๆ เห็นแต่ซากเห็นแต่ขยะ คนตายเกลื่อน ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ สภาพน่ากลัวมาก เราเดินไปเรื่อยๆ ผวา ว่าจะมีคลื่นมาอีกมั๊ย คนที่รอดชีวิตเค้าก็ช่วยๆกันแบบทุลักทุเลมาก วิ่งเต้นกันไปหมด เราเดินจนมาถึงถนน มาเกาะกลุ่มนักท่องเที่ยว ตอนนั้น เรากับคีธ โดนแยกกันค่ะ เหตุการณ์ชุลมุน คีธโดนอุ้มขึ้นไปบนรถที่มีแต่เด็กๆ เราขึ้นรถกู้ภัย มีผู้ใหญ่มาช่วยกันทำแผล แสบ แสบมาก คนที่ทำแผลใหเรา ยังร้องไห้แทนเราถามตลอดว่าเจ็บมั๊ย เราคลื่นไส้ อ้วกออกมา ทรมาน มีโคลน มีเหล็ก ทราย ปนออกมาเต็มไปหมด เค้าพาเรามาส่งที่เตนท์ผู้ป่วยตอนนั้นอยู่บนเขา เราเจอเจสซี่กับลูกพี่ลูกน้องเราอยู่กัน เราวิ่งจนลืมเจ็บแผลไปกอดเลย ลูกพี่ลูกน้องเราอยู่กันครบ โอ้ยยยย ดีใจมาก เจสซี่ถามถึงโบร์น่ากับคีธ เราก็ไปว่าโบร์น่าไปอยู่กับพระเจ้า ส่วนคีธ มีคนเอาไปแล้ว ทุกคนนั่งเงียบ
เงียบไปหมด สถานการณ์วุ่นวายมาก เรานอนกันที่นั่น

วันที่27 ธันวาคม 2547

เหอะ ไม่ได้นอนหรอกนะ จนท เอานมกับขนมปังมาแจก เรากับเด็กๆก็ย้ายลงมาที่รพ ตะกั่วป่า นั่งรถกระบะมา ศพเกลื่อนเลย เรามาทำแผลต่อ ที่รพ เข้าไปในเตนท์เด็กรอญาติมารับ มีแฟ้มรูปคนตาย ให้มาดูว่าญาติ ตัวเองบ้างรึเปล่า ....เจอคีธแล้วว พ่อคีธมารับ ข่าวร้าย แม่คีธตาย เราก็รอๆๆๆๆๆ พ่อแม่มารับ ร้องไห้ค่ะ ดีใจมาก พ่อกับแม่น้ำตาไหหลกอดเรา เราก็กลับบ้าน ไม่ได้ข่าวคราวลุง เราบอกลาเจสซี่กับคีธ ...นั่งรถอีก หดหู่เข้าไปอีก

28 ธันวาคม 2547
อยู่บ้าน ทำแผล อัพเดท ข่าวสาร
นั่งเล่าประสบการณ์ให้คนแถวบ้านฟัง
หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นมาเทปสัมภาษณ์ ...พ่อเป็นตำรวจ โดนสั่งให้ไปเก็บศพน่าสงสารจริงๆ

29 ธันวาคม 2547

พ่อลืมกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ที่บ้าน แต่ตัวไปตะกั่วป่าตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น แม่เลยต้องเอาไปให้
เราจะไปด้วย แม่ไม่ให้ไป เราดื้อดึงจะไป ร้องไห้ กระโดด ถีบรถ จะไปให้ได้ จนแม่ยอม หิ้วมาทั้งขาเจ็บ ปรากฏว่าต้องจอดรถไว้ที่ตะกั่วป่า รถเข้าเขาหลักไม่ได้ นั่งตุ้กๆเข้าไป กลิ่บศพอย่างอบอวลชวนคลื่นเ-ยนปนอาเจียนสุดๆ คนตายมาเป็นกองพะเนิน ไปเจอพ่อ ที่เตนท์พิสูจน์ศพ เอากระเป๋ามาให้พ่อ เจอข่าวร้ายอีก ลุงกับป้าตายทั้งคู่ น้ามาพาศพไปวัดแล้ว ......... แม่บ่อน้ำตาแตกอีกรอบ  เจอหมอพรทิพย์ด้วย ทรงผม....ไม่พูดนะ แต่ดูๆแล้วทุกคนเหนื่อยมาก สงสารพ่อสุดๆ
เราเจอพ่อแม่โบร์น่า กำลังทำเอกสารพาศพกลับนอร์เวย์ TT เศร้ามากเราขอแม่ไปหาโบร์น่าครั้งสุดท้าย ไม่เห็นนะ ห่อศพ มิดชิด เราจับถุงศพ ได้แต่พูดว่าไอมิสยู ขากลับเราต้องอ้อมมาทางสนามบินชั่วคราว ศพเรียงรายเต็มไปหมด คนยืนร้องไห้กันระงม บางคนน้ำไม่ได้อาบตั้งแต่เกิดเหตุ เจอคีธอีกครั้ง ได้แต่ยิ้มแล้วก็โบกมือให้


10ปีผ่านแล้ว เรายังรู้สึกเหมือนผ่านมาไม่กี่วัน
เราจำได้ทุกคน เป็นความทรงจำที่เลวร้ายในชีวิตมากๆ สุดท้ายนี้เราอยากฝากถึงโบร์น่า เรายังคิดถึงเธอเสมอ คีธ เจสซี่ เป็นไปได้เราอยากรู้ว่าเธออยู่ไหนเป็นยังไงบ้าง ขอขอบคุณ Stephen wyatt ที่ผายปอดเจสซี่ ที่ช่วยลากพวกเราขึ้นจากน้ำ ขอขอบคุณจนท มูลนิธิทุ่งโหลง ที่ ช่วยทำแผล และพาเรามาส่งที่เตนท์ ขอขอบคุณ พยาบาล...จำชื่อไม่ได้ ที่คอยช่วยติดต่อพ่อแม่เรา ขอขอบคุณโอกาสอันเลวร้ายนี้ที่ช่วยสอนให้เรารู้จักช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ด้วยกัน เรายังไปเขาหลักทุกปี เพื่อระลึกถึงคนทุกคนเสมอ

ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า อย่าประมาทนะคะเพื่อนๆทุกคน เวลาทุกนาทีมีความหมายจริงๆ


ที่มา : http://www.dek-d.com/board/view/3430579/
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

ผู้ชมหน้านี้ :

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น