เข็มขัดนิรภัยช่วยให้ปลอดภัยได้แค่ไหน!!

เข็มขัดนิรภัย เมื่อเกิดอุบัติเหตุจราจรทางบกจะทำให้เกิดการสูญเสียชีวิต ร่างกาย อันตรายที่เกิดกับคนมีตั้งแต่ไม่มากเช่นแผลถลอกจนกระทั้งอวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บ
อาจจะพิการ การป้องกันที่ดีที่สุดคือการป้องกันมิให้เกิดอุบัติเหตุ แต่ก็ไม่สามารถป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ การใช้เข็มขัดนิรภัยจะช่วยลดความรุนแรงของการบาดเจ็บ






การเปลี่ยนแปลงเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
  1. แรงกระแทกที่เกิดจากรถที่วิ่งเร็ว 60 กิโลเมตรจะเท่ากับรถที่ตกที่สูง 14 เมตรหรือความสูงประมาณตึก 5 ชั้น ตัวรถจะยุบหรือบิดงอ
  2. คนที่อยู่ในรถถ้าไม่คาดเข็มขัดนิรภัยจะเดินทางด้วยความเร็วเท่ากับรถเมื่อชนและหยุด ศีรษะ หน้า ลำตัวของคนในรถจะถูกเหวี่ยงไปกระแทกกับพวงมาลัย และกระจกหน้ารถอาจทำให้หมดสติหรือเสียชีวิต
  3. อวัยวะในร่างกาย เช่นตับ ไต ลำไส้ สมองหรือไขสันหลังซึ่งมีการเคลื่อนไหวอยู่ภายในจะเคลื่อนไหวเท่ากับความเร็วของรถ เมื่อคนในรถหยุด อวัยวะภายในจะกระแทกกันเอง ทำให้ตับ ไต ลำไส้หรือสมองฉีกขาดได้

ใครบ้างที่ควรคาดเข็มขัดนิรภัย
  1. คนที่ขับรถทุกคน
  2. ผู้โดยสารทุกคนไม่ว่าจะนั่งหน้าหรือหลัง
  3. ผู้โดยสารรถขนาดใหญ่ที่มีเข็มขัดนิรภัยควรต้องคาดเช่นกัน

ประเภทของเข็มขัดนิรภัย
  • เข็มขัดนิรภัยที่รัดตรงบริเวณโคนขา รอบสะโพก (lap belt หรือแบบสองจุด) พบได้ในเครื่องบิน สำหรับรถยนต์จะใช้กับที่นั่งตอนหลัง เข็มขัดชนิดนี้ใช้คาดบริเวณต้นขา รอบสะโพก ไม่ควรรัดบริเวณหน้าท้อง
  • เข็มขัดที่คาดผ่านบริเวณสะโพกและไหล่ ( lap shoulder belt หรือแบบ 3 จุด)คาดบริเวณสะโพก บริเวณต้นขา และผ่านเฉียงทางหน้าอกและกระดูกไหปลาร้า



ข้อดี - ข้อเสียของรอกกลไก ล็อกเมื่อชน

            ข้อดีคือ ต้นทุนต่ำ ไม่มีระบบซับซ้อน พร้อมทำงานได้ในตัวเอง ไม่ต้องมีอุปกรณ์อื่นพ่วง ไร้การดูแลรักษา และทนทาน

            ข้อเสียก็คือ ขาดความฉับไวในการรั้ง อย่างน้อยต้องใช้เวลาหลังเกิดแรง กระแทกหลายเศษส่วนของวินาทีก่อนที่จะล็อกตัว เข็มขัดนิรภัยจะคลายตัวออก มา ลำตัวจะเซออกมาด้านหน้าเล็กน้อยก่อนถูกล็อก ไม่มีการช่วยรั้งกลับคลายตัวออกมาแล้วค่อยล็อก นอกจากจะเสี่ยงกับการเซมากระแทกอะไรด้านหน้าแล้ว ยังอาจส่งผลให้จากการกระชากของเข็มขัดนิรภัย เพราะตัวเซออกมาเล็กน้อยแล้วถูกรั้งล็อกให้หยุดทันที


พัฒนาการอันทันสมัยรั้งกลับเมื่อชน / รั้งกลับล่วงหน้า

            เข็มขัดนิรภัยแบบพิเศษ ไม่ใช่แค่มีรอกที่จะล็อกตัวเมื่อเกิดแรงกระแทก หรือ เบรกแรงๆ เริ่มมีใช้ในรถยนต์ราคาแพงมากว่า 10 ปีแล้ว มีการแพร่หลายเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เพราะเข็มขัดนิรภัยแบบรอกกลไกพื้นฐาน ก็สามารถใช้งานได้ดีพอสมควร และแบบพิเศษ ล้วนมีต้นทุนแพง
            ในระยะ 5 ปีหลังมานี้เอง ที่มีความแพร่หลายมากขึ้นมาก เพราะสามารถทำต้นทุน ให้ต่ำลง แต่ก็ยังมีใช้ในรถยนต์ราคาแพงเป็นหลัก มีกระจายมาในรถยนต์ราคาปานกลาง มากขึ้นกว่าแต่ก่อนมากขึ้นบ้างเท่านั้น
            วัตถุประสงค์หลักของการพัฒนา คือ ต้องการให้มีความฉับไวในการฉุดรั้ง ให้ร่าง กายเซออกมาน้อยที่สุด หรือไม่เซออกมาเลย ลดโอกาสไปกระแทกกับอุปกรณ์ใดๆ และลด การบาดเจ็บจากการถูกกระชากโดยเข็มขัดนิรภัย

- รั้งกลับเมื่อชน
            เรียกกันในสารพัดชื่อ เช่น เข็มขัดนิรภัยรั้งกลับอัตโนมัติ ฯลฯ
            จะทำงานเมื่อเกิดแรงกระแทกถึงกำหนดเท่านั้น ทำงานร่วมกับอุปกรณ์วัดแรง กระแทก และตัวรอกเองก็มีระบบพิเศษ เช่นไฟฟ้าหรือชนวนสร้างแรงดึง ปกติแล้วจะคลาย
ี ตัวได้เพื่อไม่ให้อึดอัด หากเกิดแรงกระแทกถึงกำหนด ระบบจะสั่งงานให้รอกม้วนตัวกลับอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงเศษส่วนของวินาที เพื่อให้ร่างกายแนบกับ เบาะที่สุด เมื่อทำงานแล้วชุดรอกจะเสียเลย ต้องเปลี่ยนชุดใหม่ มีใช้ในรถยนต์ราคาแพงหลายรุ่นมานานหลายปีแล้ว

- รั้งกลับล่วงหน้า
            เป็นพัฒนาการอีกแนวทางหนึ่ง โดยใช้รอกแบบไฟฟ้า ที่มีการสั่งงานโดยรับข้อมูลมาจากหลายเซ็นเซอร์ ไม่ใช่แค่เซ็นเซอร์วัดแรงกระแทก

            การทำงานจะมีการดึงเข็มขัดนิรภัยให้ม้วนกลับเบาๆ เมื่อมีสภาพการขับแปลกๆ เช่น หากจอด ขับทางตรง เข้าโค้งหมุนพวงมาลัยด้วยความเร็วปกติ เข็ม ขัดนิรภัยก็จะคลายตัวหากต้องการขยับตัว เพื่อไม่ให้เกิดความอึดอัด เมื่อไรที่ขับไม่ปกติ เช่น เลี้ยวเร็วเพื่อหลบสิ่งกีดขวาง (คล้ายขับสลาลอม) เข้าโค้งโดยหมุน พวงมาลัยเร็ว ระบบก็จะสั่งให้รอกม้วนตัวรั้งเข็มขัดนิรภัยกลับเบาๆ ให้แนบกับลำตัวคน เสมือนเตรียมพร้อมในขั้นแรก หากเกิดการชนก็จะรั้งอย่างรวดเร็วและ แน่นขึ้น ร่างกายคนก็จะแนบอยู่กับเบาะ เกิดแรงกระชากด้วยตัวเข็มขัดน้อยกว่า เพราะกลายเป็นแรงดึงที่เกิดขึ้นล่วงหน้า เข็มขัดนิรภัยแบบรั้งกลับล่วงหน้า มี การรั้งเบาๆ เตรียมพร้อมที่จะรั้งกลับให้แน่นเมื่อเกิดการชน นับเป็นพัฒนาการทางเทคโนโลยีที่เพิ่มความปลอดภัยภายหลังการชนได้ดีมาก แต่มีใช้ในรถยนต์ ราคาแพงเป็นหลัก จะแพร่หลายอย่างช้าๆ เพราะมีต้นทุนสูงและมีความซับซ้อนในการทำงานมาก ดังนั้นในรถยนต์ทั่วไปก็คงจะนิยมใช้แบบพื้นฐานรอกกลไกไป อีกหลายปี

การใช้งานไม่ซับซ้อน
            ไม่ว่ารถยนต์คันนั้นจะใช้เข็มขัดนิรภัยแบบใด ก็ไม่มีความซับซ้อนในการใช้งาน ทุกคนต้องคาดเข็มขัดนิรภัย ไม่ว่าจะนั่งหน้าหรือนั่งหลัง และคาดให้ เรียบร้อยก่อนรถยนต์เคลื่อนที่ในครั้งแรก และไม่ปลดเข็มขัดนิรภัยล่วงหน้าก่อนรถยนต์หยุดสนิทอย่างปลอดภัย

            ความประมาทของคนไทยที่พบบ่อย คือ ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยเมื่อขับในเมืองหรือการจราจรคับคั่ง เพราะคิดไปเองว่าขับช้า ใช้ความเร็วเป็นตัวตัดสินว่า ควรคาดหรือไม่ หรือคนนั่งหลังไม่คาด เพราะคิดว่าไม่มีพวงมาลัยให้เสี่ยงต่อการกระแทก หรือมีพนักพิงของเบาะหน้าที่ไม่แข็งมาก


ชมการวิดีโอทดสอบ เมื่อคาดและไม่คาดเข็มขัดนิรภัย


             ความปลอดภัยเป็นเรื่องง่าย หากไม่ประมาท และคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งตลอดการเดินทาง
________________________________________________________________________________
ที่มา :
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

แสดงความคิดเห็น

1 ความคิดเห็น

  1. ไม่ระบุชื่อ13/11/57 10:07

    เพื่อนเราชีวิตเพราะไม่คาดเข็มขัดนี่แหละคะ รถพุ่งเข้าชนเสา หน้าอกกระแทกตัวรถข้างหน้า อวัยวะภายในฉีกแตก ชีวิตทันที
    หลังจากนั้น เราไม่เคยลืมคาดเข็มขัดนิรภัยเลย ไม่ว่าจะแค่ขับไปปากซอยบ้านก็ตาม อุบัติเหตุเกิดได้ทุกที่ทุกเวลาคะ
    ยังไงก็คาดดีกว่านะคะ ^_^

    ตอบลบ

เรื่องเด็ด น่าคิด น่าชม ที่ทุกที่ ทุกเวลา เรื่องเด็ด น่าคิด น่าชม ที่ทุกที่ ทุกเวลา 108thinks.blogspot.com