น้องม็อบปลื้ม คนชื่นชมกล้ารับเป็นนะยะ เผยโฆษณาครีมทาผิวจีบเป็นพรีเซนเตอร์

จากกรณีที่‘น้องม็อบ’ ฐิติวรดา เจ็กท้าว สาวลวกก๋วยเตี๋ยวที่โด่งดังในโลกออนไลน์จนได้รับฉายาว่าแม่ค้าที่สวยที่สุด ในประเทศไทย แม้จริงแล้วเธอจะไม่ใช่แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวก็ตาม ล่าสุดน้องม็อบ สร้างความฮืออาอีกครั้ง เมื่อออกมายอมรับว่าตัวเองเป็นสาวประเภท 2 ซึ่งผ่านการผ่าตัดแปลงเพศแล้ว และวอนให้สังคมยอมรับเพศสภาพที่แตกต่าง ตามที่ข่าวสดนำเสนอไปก่อนหน้านี้ 


 
 ความ คืบหน้าจากกรณีดังกล่าว น้องม็อบ ฐิติวรดา ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากเรื่องราวของตนเป็นข่าวออกสื่อมวลชนไปนั้น ในโลกออนไลน์มีกระแสตอบรับกลับมาดีมาก มีแต่คนมาชื่นชม และชื่นชอบในสิ่งที่ตนเป็น บางคนเข้ามาบอกในเฟซบุ๊กว่า เคยมีทัศนคติที่ไม่ดีกลับกลุ่มสาวประเภทสอง แต่พอเห็นม็อบ ความคิดของเขาก็เปลี่ยนไป ทำให้รู้สึกอึ้ง และดีใจที่มีคนชื่นชมเราถึงขนาดนี้ นอกจากในโลกออนไลน์แล้ว ในชีวิตประจำวันมีคนเข้ามาทักและชื่นชม และเข้ามาขอถ่ายรูปมากกว่าเดิม ทำให้ไม่รู้จะทำตัวอย่างไร ปรับตัวไม่ทัน เพราะยังไม่คุ้นชิน
 
 น้อง ม็อบ ให้สัมภาษณ์อีกว่า สำหรับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายนั้น เริ่มมาตั้งแต่ที่ชื่นชอบการเล่นตุ๊กตา จนมาอายุ 17-18 ปี จึงเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยพ่อแม่ก็รับทราบเรื่องนี้มาตลอด ซึ่งช่วงแรกที่พ่อแม่ทราบเรื่องนี้ท่านก็น้อยใจบ้าง แต่การที่ตนมีจุดยืนชัดเจนทำให้พ่อแม่ยอมรับในเรื่องนี้ และหลังจากตนได้ไปออกรายการโทรทัศน์นั้นทำให้แม่ดีใจปลาบปลื้มใจและภูมิใจ เป็นอย่างมาก ที่เราเป็นอย่างนี้แล้วมีคนชื่นชม อีกทั้งยังมีเพื่อนบ้านเข้ามาพูดคุยเรื่องนี้กับแม่ตลอด  
 
 “ตอน นี้มีสินค้าทั้งอาหารเสริม และครีมทาผิว เข้ามาติดต่อให้ไปถ่ายโฆษณาหลายรายด้วยกัน แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปถ่ายหรือไม่ เพราะต้องดูสินค้า และคุณภาพของสินค้าก่อนว่าเป็นอย่างไร เพราะหากไปถ่ายแล้วคนซื้อไปใช้ไม่ได้ผล ตนจะถูกด่าเอา ส่วนงานในวงการมีพี่ที่ไปถ่ายบอกว่าจะติดต่อมา” น้องม็อบ กล่าว


 
 นาย จะเด็จ เชาวน์วิไล ผอ.มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า ดีใจและชื่นชมที่น้องม็อบออกมาเปิดเผยกับสังคมว่าตัวเองเป็นสาวประเภทสอง ซึ่งสังคมควรจะเรียนรู้ได้แล้วว่า ปัจจุบันในสังคมไทยมีความหลากหลายทางเพศและมีคนข้ามเพศอยู่มานานแล้ว และควรมองเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดา ดังนั้นจึงไม่ควรพูดจาดูถูกดูแคลนกับกลุ่มคนเหล่านี้ เพราะไม่ว่าเขาจะเป็นเพศใด จะสวยหรือไม่ ก็สามารถประกอบอาชีพได้ทุกอาชีพ หากสังคมไทยไม่เข้าใจก็จะกลายเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด และทำให้เกิดการกดทับและซ้ำเติมกับกลุ่มคนเหล่านี้ได้ 


 
 ดัง นั้นควรจะมองถึงเรื่องศักยภาพและความสามารถของเขามากกว่าที่จะมองเรื่องเพศ สภาพว่าเป็นเรื่องประหลาด เขาจะเป็นเพศใดนั้นไม่ใช่ประเด็น เขานั้นก็เป็นมนุษย์เหมือนเรา สิ่งที่สำคัญคือทำอย่างไรที่จะทำให้กลุ่มของเขามีศักยภาพและความสามารถในการ ทำงาน อยากให้มองว่าทุกอาชีพทุกเพศสามารถทำงานได้ทั้งหมด อยากให้สังคมไทยได้เรียนรู้เปิดใจและเปิดรับยอมรับและจะต้องมีความเท่าเทียม กันในสังคมกับกลุ่มคนเหล่านี้มากกว่าที่เป็นอยู่   
________________________________________________________________________________
ที่มา : http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReE5EVTVNekl4Tmc9PQ==&subcatid=
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น