คุณรู้หรือไม่? ปลาทูไทยทรงคุณค่าแค่ไหน

ปลาทู ของไทยเรานี่แหละดีไม่แพ้ชาติอื่นแน่นอนครับ เพราะในปลาทูจะมีสารโอเมก้า 3 ค่อนข้างมาก ราคาก็ไม่แพง แถมยังถูกปากคนไทยเป็นที่สุด 


                

โดยในเนื้อปลาทู 100 กรัม จะมีสารโอเมก้า 3 ประมาณ 2-3 กรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอกับร่างกาย เนื่องจากในหนึ่งวันร่างกายต้องการโอเมก้า 3 ประมาณ 3 กรัมต่อวัน ฟังเท่านี้ก็พอ จะยิ้มออกกันแล้วใช่มั้ยละครับ มากินปลาทูกันเถอะนะ

        ความเชื่อที่ว่าทานปลาแล้วจะฉลาด นับว่าเป็นเรื่องจริงและไม่ใช่เรื่องที่สร้างมาหลอกเด็กอีกต่อไป เพราะการทานปลาที่มีโอเมก้า 3 สำหรับเด็กจะช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโต และช่วยบำรุงทำให้สมองแข็งแรง ตลอดจนในผู้สูงอายุ ที่ร่างกายเริ่มเสื่อโทรมไปตามกาลเวลา การทานโอเมก้า 3 ก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน เพราะสามารถเข้าไปช่วยปรับสมดุลและทำให้ร่างกายแข็งแรงได้เช่นกัน


     
               
แต่อย่างไรก็ตาม การทานโอเมก้า 3 นั้น ควรได้รับในปริมาณที่พอเหมาะจึงจะเป็นประโยชน์ที่สุด ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นว่าการรับประทานปลาทูเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ถึงแม้ว่าคุณจะทานอาหารเสริมอย่างน้ำมันปลาเข้าไปอีก ก็ไม่ได้เกิดประโยชน์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังต้องสิ้นเปลืองเงินทองที่จะต้องไปหาซื้อมารับประทานอีก ทางที่ดีทำอะไรก็ทำให้พอเหมาะดีที่สุดครับ..

ปลาทูเป็นแหล่งของสารอาหารประเภทโปรตีนอย่างดี จะเห็นได้ว่าในปลาทูสด 100 กรัม มีคุณค่าสารอาหารดังนี้
พลังงาน 140 แคลอรี่
โปรตีน 20 กรัม
ไขมัน 6.7 กรัม
แคลเซี่ยม 170 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 60 มิลลิกรัม
เหล็ก 11.9 มิลลิกรัม
วิตามินบี1 0.03 มิลลิกรัม
วิตามินบี2 0.62 มิลลิกรัม
ไนอะซิน 9.2 มิลลิกรัม
วิตามินซี 9.2 มิลลิกรัม
เนื่องจากมีรูปร่างลักษณะคล้ายกับปลาอีกหลายๆชนิด โอกาสซื้อผิดมีมาก จึงขอแนะนำ เพื่อเป็นข้อสังเกตดังนี้


  • ปลาทู มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Rastrilliger neglectus หรือปลาทูสั้น ปลาทูเตี้ย แล้วแต่บางพื้นที่ เพราะลักษณะของลำตัว กว้าง แบน ป้อม สั้น ตาเล็ก ปากแหลมมน ไม่มีลายข้างตัว 3 เส้น ด้านบนของลำตัวมีสีน้ำเงินแกมเขียว ถ้าเป็นปลาสดจะมีสีน้ำำเงินเข้ม พาดตามยาวของลำตัว เนื้อปลาทูจัละเอียด นุ่มมีมันมาก รสอร่อย
  • ปลาลัง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Rastrilliger kanagurta หรือปลายาว ปลาทูโม่ง หรือปลาโม่ง เพราะมีลำตัวกลม เรียกว่าปลาทู ตาโต ปากแหลม ลำตัวด้านหลังมีแถบสีเขียวแกมน้ำตาล 2-3 แถบพาดตามยาว เนื้อหยาบ มันน้อย รสไม่อร่อย ราคาถูกกว่าปลาทู
  • ปลาทูปากจิ้งจก มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Rastrilliger fauhni ลักษณะลำตัวเรียวยาวคล้ายปาลัง แต่มีขนาดความยาวเท่าปลาทู ความกว้างของลำตัวน้อยกว่าปลาลัง ปากแหลม ด้านบนลำตัวมีสีน้ำเงิน แวววาว ด้านท้องมีสีขาวเงิน เนื้อหยาบ มันน้อย รับประทานไม่อร่อย (ผู้ขายมักเอามาขายรวมกับปลาทู)
  • ปลาทูแขก มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Decapterus macrosoma ลักษณะคล้ายกับปลาทูปากจิ้งจก แต่มีเกล็ดหนามแข็งที่โคนหาง แนวเส้นข้างตัวโค้งลาด ลำตัวเรียวยาว แต่หนา มองดูค่อนข้างกลม ด้านหลังมีสีน้ำเงินแกมเขียว ท้องสีขาวเงิน ครีบสีขาวใส เนื้อหยาบมันน้อย ปัจจุบันนิยมนึ่งแทนปลาทู หรือทำปลากระป๋อง
  • ปลาทูแขกครีบยาว มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Decapterus maruadsi ลักษณะคล้ายปลาทูแขกแต่ลำตัวกว้างกว่า จึงมองดูแบน ตาค่อนข้างโต เนื้อแข็ง หยาบ รัปทานไม่อร่อย

การเลือกซื้อปลาทูนึ่งนั้น ให้พิจารณาดังนี้ ตัวจะสั้นป้อม แบน ตาใส สีของปลาจะใส ไม่ว่าจะเป็นสีน้ำเงินแกมเขียว หรือสีขาวของส่วนล่างก็ตาม กดเนื้อจะนิ่ม มีมันสีเหลืองเยิ้มอยู่ตามลำตัว ถ้าเนือแข็งแสดงว่าปลาไม่สด และเค็มเกินไป  

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับปลาทู
วิธีการเลือกซื้อปลาทูนึ่ง
ปลาทูที่นึ่งใหม่ๆจะมีกลิ่นหอมชวนรับประทาน ตัวอวบอ้วน เนื้อนุ่มแน่นและไม่เละยุ่ย ท้องและผิวไม่ถลอก ถ้าขอบตาแดงผิวเหลือง แสดงว่าเป็นปลาทูที่มีคุณภาพไม่ดี เป็นปลาที่ได้จากอวนลาก จึงต้องมีการใช้น้ำยาเคมี รักษาสภาพของปลา ความอร่อยของปลาทูนึ่งยังขึ้นอยู่กับปลาทูที่สดที่นำมาต้มด้วย ถ้าใช้ปลาทูไม่สดไม่ใช่ปลาทูโป๊ะ จะไม่อร่อยเท่าปลาทูแม่กลองที่เวลานึ่ง คนทำจะหักคอก่อนใส่เข่งเพื่อให้พอดีกับขนาดของเข่ง เรียกกันว่า “ปลาหน้างอคอหัก”
วิธีเลือกปลาทูสด

ปลาทูสดลูกตาจะนูนตาดำมีสีสดใส ส่วนหลังของลำตัวจะมีสีเขียวเป็นพื้น ส่วนท้องจะมีสีขาว หรือสีเงิน หางปลายังมีสีเหลือง ตามลำตัวมีเมือกลื่นๆ เหงือกมีสีแดงออกชมพู ปลาไม่มีกลิ่น เนื้อแน่น เมื่อใช้นิ้วกดที่กลางลำตัวแล้วปล่อยนิ้วออก รอยบุบจะกลับคืนสภาพเดิมได้หมดหรือเกือบหมด ส่วนปลาทูที่ไม่สดลูกตาาจะยุบ ตาดำจะขุ่น บริเวณลูกตาอาจมีเลือดคลั่ง สีพื้นของลำตัวซีด ปลามีกลิ่นคาว หรือคาวจัด ลำตัวอ่อนเหลว และไม่มีเมือกจับ 
ซื้อปลาแบบไหนถึงจะอร่อย
หลังจากที่ชาวประมงจับปลาทูขึ้นมาได้ราว 5-10 นาที ปลาจะตาย ปลาทูที่ตายใหม่ๆ นี้ ถ้ารีบนำไปต้ม ผัด แกง ทอด เนื้อจะนุ่มหวาน อร่อย กลิ่นหอม ถ้านำไปต้มมันปลาทูสีเหลืองจะลอยฟ่องขึ้นหม้อ แค่เห็นก็อร่อยแล้ว
แต่ปลาทูสดที่เห็นขายกันอยู่ตามตลาด หรือซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้นไม่ใช่ปลาทูสด 100% เป็นปลาทูที่ต้องผ่านหลายกระบวนการ กว่าจะมาวางขายตามท้องตลาด ความสดของปลาก็ลดลงเหลือ 60-80% ซึ่งถ้าเป็นปลาทูที่ขายตามจังหวัดที่ห่างไกลทะเลแล้ว อาจเก็บมาเป็นอาทิตย์ก็ได้
อนึ่ง ปลาทูจะมีความสดมากหรือน้อยนั้นจะทราบได้ก็ต่เมื่อมีการดมกลิ่น ชิมรสเนื้อปลา ซึ่งถือว่าปลาที่มีความสดมากนั้นจะมีกลิ่นหอมของเนื้อปลา ชวนรับประทานรสชาติอร่อยเนื้อนุ่มไม่กระด้างไม่เปื่อยยุ่ย
โดยเฉพาะปลาที่จับได้ที่ก้นอ่าวไทย ตามทะเลที่มีพื้นดินเป็นลบ เนื้อจะอร่อยกว่าปลาทูที่จับได้ ตามทะเลที่เป็นพื้นทราย
______________________________________________________________________
ที่มา : 
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น