หมอ เจี๊ยบ ลลนา นางสาวไทยที่ไม่ได้สวยแค่ภายนอก แต่จิตใจยังงดงาม

  เจี๊ยบ ลลนา ก้องธรนินทร์ เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักเธอได้ในฐานะ อดีตนางสาวไทย ประจำปี 2549 หรือภาพจำในขณะนี้ ลุคผมสั้นแนวใหม่ แต่งตัวมาดทอมบอย แต่รู้หรือไม่คะว่า อีกหนึ่งบทบาทหน้าที่สำคัญที่หลายคนยังไม่เคยเห็น เจี๊ยบ ลลนา ก็คือมุมคุณหมอจิตใจงดงาม มีความตั้งใจและอุดมการณฺที่อยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ 


เจี๊ยบ ลลนา คุณหมอจิตใจงาม กับอุดมการณ์อันน่าทึ่งเพื่อเพื่อนมนุษย์
….ชีวิตหลังเรียนจบแพทย์จากโรงพยาบาลรามาธิบดี ปัจจุบัน เจี๊ยบ ลลนา ก้องธรนินทร์ กำลังทำหน้าที่เป็นแพทย์อยู่ที่ โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี แต่เธอกลับบอกว่าบุคลิกและตัวตนของเธอจริงๆ นั้นไม่น่าจะเป็นได้ทั้งนางสาวไทยและแพทย์เลยด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ทำให้เธอตัดสินใจก้าวเข้าสู่เวทีประกวดนางสาวไทยและเลือกเรียนแพทย์นั้น ก็เพราะมีความฝันว่าอยากเปิดฟรีคลินิก  และเธอก็เชื่อว่าหากได้เป็นทั้งนางสาวไทยและเป็นแพทย์ด้วยนั้น จะสามารถทำความฝันนี้ให้เป็นจริงได้แน่
…. เจี๊ยบ ลลนา เล่าถึงที่มาที่ไปของความฝันที่อยากเปิดฟรีคลินิกว่า ตอนช่วงที่เรียน ม.ปลาย เธอไม่ได้คิดอยากจะเป็นหมอเลย แต่จุดเปลี่ยนมันเกิดขึ้นตอนที่เธอไปดัดฟัน! แล้วทันตแพทย์ก็เอารีเทรนเนอร์ มาแค่บีบๆใส่เข้าไป เพียงแค่ 1 นาทีเท่านั้น แต่กลับได้ค่ารักษาพยาบาลมากมาย ตอนนั้นเธอก็คิดขึ้นมาเลยว่า อาชีพทันตแพทย์ นี่แหละ ที่ฝันอยากจะเป็นในอนาคต!   จากนั้นเธอก็ตั้งความฝันที่อยากจะเป็นแพทย์เอาไว้เลย พยายามปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่ ขยันตั้งใจเรียนมากขึ้น ฝึกทำข้อสอบแพทย์ของหลายๆที่ รวมถึงฝึกทำข้อสอบของแพทย์ศิริราช แต่มีข้อแม้ว่าต้องไปฝึกงานที่โรงพยาบาลก่อนถึงจะสอบได้ เจี๊ยบไม่ลังเลเลย ตัดสินใจไปดูงานในโรงพยาบาลแถวบ้าน ทันที นั่นจึงเป็นที่มาที่ทำให้เธอได้เห็นชีวิตของเพื่อนมนุษย์ คนป่วย คนเจ็บ ที่รอรับการรักษาจากแพทย์ จนอยากอุทิศตัวช่วยเหลือ
….การไปฝึกงานที่โรงพยาบาลแห่งนั้น ทำให้เธอเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาว่าถ้าเธอได้เป็นหมอ คงวิ่งเข้าไปช่วยคนไข้ได้ทันทีเลย จากนั้นเธอก็กลับมาบอกคุณแม่ว่า “เจี๊ยบอยากเป็นหมอนะ” ความคิดก็เปลี่ยนตั้งแต่ตอนนั้นเลย และก็มีอีกความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัววันนั้นเลยว่า หากเราเปิดฟรีคลินิก รักษาคนไข้แบบไม่คิดเงินช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ได้ก็คงดีมากเช่นกัน นับแต่นั้นมา ก็เป็นเหมือนจุดเปลี่ยนของชีวิตที่สำคัญช่วงหนึ่ง ที่ทำให้เธอตัดสินใจทำตามความฝัน ลงสนามสอบเข้าคณะแพทย์ จนได้กลายมาเป็นแพทย์หญิง ลลนา ก้องธรนินทร์ จนถึงทุกวันนี้
….จากความฝันที่อยากเป็นหมอ ตอนนี้เธอก็อยากเรียนต่อด้านแพทย์ฉุกเฉิน เพิ่มเติมอีกด้วย เพราะคิดว่าหากมีเคสด่วนๆ มา เธอก็จะสามารถรักษาคนไข้ได้อย่างถูกต้อง ทันท่วงที และให้เขาได้รับสิ่งดีๆ กลับไป

….เห็น เจี๊ยบ ลลนา สอบเข้าคณะแพทย์ได้ หลายคนต้องคิดว่า สมัยเด็ก ๆ เจี๊ยบต้องเรียนเก่งมาก ๆ แน่เลยใช่ไหมคะ แต่เธอสารภาพเลยว่า “ไม่เลยค่ะ ตอนเรียนเนี่ย วิชาเลขเธอเรียนได้เกรดศูนย์  จนที่บ้านก็ไม่ได้คาดหวังเรื่องการเรียนของเธอเลยด้วยซ้ำ  แต่เมื่อเธอตั้งใจแล้วว่าจะเป็นแพทย์ให้ได้ เธอจึงฝึกฝนตัวเองอย่างหนักในทุกๆวิชา จนสามารถสอบเข้่าเรียนสายวิทย์ได้ อย่างวิชาเลขที่เธอไม่ถนัด ก็พยายามฝึกฝน จนเกิดความเข้าใจได้
“อยากบอกน้อง ๆ ที่อยากจะเป็นแพทย์ แต่คิดว่าตัวเองไม่เก่ง ไม่ฉลาด อย่าคิดอย่างนั้นเลย ให้คิดไว้เสมอว่าหากคนเราเวลาตั้งใจจะทำอะไร ให้ไปให้ถึงความฝัน มันสามารถเราไปถึงฝันนั้นได้จริงๆ แต่เราต้องอดทน ตั้งใจ และมุ่งมั่น กับมันมากๆ  ตอนแรกมันอาจจะทรมาน แต่เราจะสามารถผ่านมันไปได้แน่นอน สิ่งสำคัญก็คือหากเรารู้ว่า เราไม่เก่ง ไม่ถนัดเรื่องอะไร เราจะต้องฝึกทำซ่ำๆเรื่อยๆ มันจะเก่งขึ้นมาเอง  เราจะทำมันได้ในที่สุด”

….อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนของเจี๊ยบก็คือการเข้าเวทีประกวดนางสาวไทย ซึ่งไม่เคยอยู่ในความคิดมาก่อนเหมือนกัน แต่เจี๊ยบก็บอกว่า ในตอนนั้นเมื่อสอบเข้าแพทย์ได้แล้ว ก็เริ่มคิดถึงการเปิดฟรีคลินิก แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี จนได้รับคำแนะนำจากคุณแม่มาว่าถ้าเราเป็นคนมีชื่อเสียง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูน่าเชื่อถือเลยแนะนำให้เจี๊ยบไปประกวดนางสาวไทยที่รับสมัครในช่วงนั้นพอดี เผื่อได้ตำแหน่งมาคนจะได้รู้จักเธอ และเป็นใบเบิกทางในการเปิดฟรีคลินิก ถึงแม้ว่าการสมัครเข้าประกวดนางสาวไทย จะขัดแย้งกับบุคลิกกับตัวตนของเธอมากๆก็ตาม
….ระหว่างการประกวด ถือว่าเป็นงานยากทีเดียว เพราะเธอต้องมาใส่รองเท้าส้นสูงที่ไม่ถนัด แถมยังต้องโพสท่า ยิ้มแย้มใส่กล้อง  แอ๊คโบกมือชมนกชมไม้ ช่างภาพบอกให้ทำอะไรก็ทำ ทั้งจับสัว์น้ำ กอดลิงอุรังอุตัง เธอก็ทำหมด เอ็นจอยกับการถ่ายรูป และด้วยรอยยิ้มจริงใจ ก็ทำให้สาวเจี๊ยบคว้าตำแหน่งขวัญใจช่างภาพมาแบบงงๆ

“การสอบเข้าคณะแพทย์ ยากพอๆ กันกับประกวดนางสาวไทยเลยค่ะ เพราะเข้าแพทย์มันต้องใช้ความพยายาม หมั่นทำ แต่การประกวดนางงามคือการทำในสิ่งที่ไม่ใข่เราเลย ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี”
….จนในที่สุด เจี๊ยบ ลลนา ก็คว้ามงกุฎนางสาวไทยปี 2549 มาครองได้สำเร็จ ซึ่งเจี๊ยบก็เชื่อว่าที่ได้ตำแหน่งมาอาจเป็นเพราะกรรมการมองที่ตัวตนของเธอ รวมทั้งความคิด ความตั้งใจทำของเรา และเหตุผลที่มาประกวดมากกว่า ซึ่งพอมาถึงวินาที การประกาศผลนางสาวไทย ในใจก็คืดว่าเหนื่อยเหมือนกันนะ ที่เราต้องทนทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวเองมาตั้ง 7-8 วัน แต่ถ้าเราได้ก้าวมาถึงจุดนี้แล้ว ก็เหมือนว่าเราได้เปิดประตูก้าวมาถึงความฝัน อีกก้าวหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสกับการเป็นผู้ชนะนะคะ เพราะว่าเราก็ทำดีที่สุดแล้ว
….อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะได้ตำแหน่งมาแล้ว แต่เจี๊ยบก็ยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องการเรียนมาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะเธอตั้งใจไว้แล้วว่า อยากเป็หมอ ดังนั้นถ้ามีงานตอนช่วงที่ติดเรียนจริงๆ เจี๊ยบก็จะไม่รับเลย จะไปรับงานช่วงอื่นแทน ช่วงนั้นถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สนุก เป็นอีกประสบการณ์หนึ่งที่เราได้รับ แล้วเธอก็ภูมิใจด้วยว่า เธอไม่ต้องขอเงินคุณพ่อ-คุณแม่ แล้วสามารถส่งตัวเองเรียนได้

….นอกจากเธอจะวางแผนเป็นหมอ วางแผนสมัครประกวดนางสาวไทยแล้ว เธอยังมีแผนเขียนจดหมายไปขอทุนกับ บิล เกตส์ เจ้าพ่อไมโครซอฟท์! โดยเล่าถึง ว่า เธอเป็นนักศึกษาแพทย์ ชั้นปีที่ 1 เป็นนางสาวไทยปี 2549 มีความตั้งใจอยากจะเปิดฟรีคลินิก โดยเธอพยายามให้ข้อมูลทุกอย่างที่เขาสามารถนำไปตรวจสอบได้ ว่าเธอมีความตั้งใจจริง และวางแผนว่าจะเขียนจดหมายไปหา บิล เกตส์ ทุกปีและจะขอเงินทุนจากเขาเมื่อเรียนจบ ซึ่งเธอเขียนไปหาบิล เกตส์ ทั้งหมด 6ฉบับ แต่คิดว่า บิล เกตส์ คงไม่ได้อ่าน ด้วยเหตุผลที่ว่าคงมีคนเขียนจดหมายไปขอเงินทุนจากเขาเยอะเช่นกัน

….หลังจากเรียนจบก็มีโรงพยาบาลมาทาบทามให้ไปทำงานด้วย โดยเสนอเงินเดือนให้เป็นแสน แต่ต้องเรียนด้านความงาม ซึ่งเธอเจี๊ยบก็ยอมรับว่า ตอนแรกก็เคลิ้มไปเหมือนกัน ลังเลอยู่เหมือนกัน จนวันสุดท้าย เธอก็ฉุกคิดขึ้นมาว่าไม่ไปดีกว่า เพราะเธออยากจะช่วยคนด้วยวิธีที่เธออยากทำตั้งใจไว้แต่แรก เจี๊ยบเลยตัดสินใจกลับมาเรียนด้านฉุกเฉิน เรียกได้การตัดสินใจในครั้งนั้นเป็นการปฏิเสธในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตน ยอมทิ้งเงินเดือนหลายแสนเพื่อมารับเงินชั่วโมงละไม่กี่ร้อย เพื่อที่จะไปตามหาประสบการณ์ และอุดมการณ์

….นอกจาก เจี๊ยบ ลลนา จะยึดอุดมการณ์อย่างแรงกล้าในการเป็นแพทย์เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์แล้ว เธอยังรับอุปการะดูแลคนอีก 4 คน โดยส่งเสียเงินให้ทุกเดือนตั้งแต่สมัยที่เธอเป็นนักศึกษาแพทย์ ทั้งคุณยายที่เจอกันโดยบังเอิญ เด็กที่สูญเสียแม่กะทันหัน ผู้ป่วยอัมพาตที่อยู่ลำพัง รวมทั้ง ปกรณ์พล มงคลวงศ์ เด็กหนุ่มที่สอบติดคณะแพทย์ได้ แต่ทางบ้านขัดสน ไม่มีเงินเรียน ซึ่งเธอก็ยินดีอุปการะค่าเล่าเรียนจนเรียนจบแพทย์ เพื่อให้ส่งต่อความช่วยเหลือสู่ผู้อื่น
….เห็น เจี๊ยบ ลลนา เป็นคนเก่ง จิตใจดีงามขนาดนี้ เธอบอกว่าแบบอย่างการช่วยเหลือคนมากมาย เพราะเธอมี “คุณแม่” เป็นไอดอล ตั้งแต่เล็กจนโตเธอจะเห็นคุณแม่ช่วยเหลือคนอื่นมากมาย เลยซึมซับสิ่งเหล่านี้มาเรื่อยๆ ว่าถ้าวันหนึ่งเธอสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้ก็ควรช่วย ควรหยิบยื่นโอกาสและสิ่งดีๆให้เขา เพราะมีคนที่ด้อยโอกาสกว่าเราเยอะ

“การที่เราเกิดเป็นคน ในชีวิตหนึ่ง คือตายไปเราก็เอาอะไรไปไม่ได้ ทำความดี ได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์เหลือเอาไว้ดีกว่า เจี๊ยบว่ามันดีที่สุดแล้ว เราจะมีบ้านมีรถ หรือมีทรัพย์สินเงินทองมากมายแเท่าไหร่มันก็แค่นั้น แต่ถ้าเราได้ทำความดี เราก็จะภูมิใจในการเป็นมนุษย์คนหนึ่ง”
….และเมื่อถามถึงเรื่องส่วนตัวของเธอ กับกระแสข่าวที่คนพูดถึง ว่าเธอกลายเป็นทอมบอย ไปแล้วหรือเปล่า? ซึ่ง เจี๊ยบก็เผยว่า จริง ๆ เธอตัดผมมาตั้ง 4-5 ปีแล้ว ชีวิตประจำวันก็ใส่กางเกงขาสั้น กางเกงยีนส์ เสื้อยืดธรรมดา แต่งหน้าไม่เป็นเลย คนจะมองว่าเป็นเด็กผู้ชายก็ไม่แปลก ขนาดตัวเองยังมองตัวเองเหมือนทอมบอยเลย เพราะตัวเองสนิทกับพี่ชาย ชอบเล่นเตะต่อยเหมือนเด็กผู้ชาย และไม่ค่อยสนใจเรื่องความสวยความงาม!

“คนเราไม่ควรไปนิยามว่าใครเป็นอะไร คือเจี๊ยบเป็นเจี๊ยบ เป็นตัวของตัวเอง ชอบใส่กางเกงยีนส์ ชอบใส่รองเท้าผ้าใบ ไม่ชอบแต่งหน้า ไม่เซ็ตผมอะไรเลย ถ้าถามว่าเป็นทอมหรือเปล่า ก็จะตอบว่าเจี๊ยบไม่ใช่ทอมนะ แต่เจี๊ยบเป็นเจี๊ยบ ลลนา นี่แหละ”
….เห็น เจี๊ยบ ลลนา ทำหลายอย่างขนาดนี้ เธอบอกเลยว่า ”ทุกอย่างที่ทำคือความสุข” อาจมีบางคนคิดว่าการที่เราไปช่วยเขาแบบนี้ไม่กลัวเขาหลอกเหรอ แต่เจี๊ยบไม่ได้กลัวตรงนั้น เพราะ เราตัดสินใจไปแล้วว่าเขาควรได้รับโอกาสนี้ เราก็ให้เขาไป เจี๊ยบก็จะไม่มานั่งคิดว่าเขาจะเอาเงินไปทำอะไร  เราช่วยเขาแล้วเราก็มีความสุขของเราเองมากกว่าด้วย นี่แหละที่เรียกว่าความสุขที่ได้จากการให้
….จากเรื่องราวเบื้องหลังชีวิตของเธอทำให้เราเห็นว่า คนเราถ้าไม่เก่ง แต่ถ้ามีความมุ่งมั่นและพยายามแล้ว ความฝันก็จะไม่ไกลเกินเอื้อม เธอคือตัวอย่างของคนที่มีความมุ่งมั่น และมีความตั้งใจอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม  อีกสิ่งหนึ่งก็คือไม่ว่าคนอื่นเขาจะมองเราเป็นอย่างไร แต่หากเราเชื่อว่าสิ่งที่เราทำหรือสิ่งที่เราเป็นไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน เราก็ไม่ต้องไปใส่ใจและลดคุณค่าในตัวเอง  เพราะคุณค่าของการเกิดมาเป็นมนุษย์นั้นอยู่ที่ว่า  เราได้สร้างประโยชน์หรือสร้างความสุขให้กับคนรอบข้างหรือเพื่อนมนุษย์บ้างหรือเปล่าต่างหากล่ะ…
“การที่เราเกิดเป็นคน ในชีวิตหนึ่ง คือตายไปเราก็เอาอะไรไปไม่ได้ ทำความดี ได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์เหลือเอาไว้ดีกว่า เจี๊ยบว่ามันดีที่สุดแล้ว เราจะมีบ้านมีรถ หรือมีทรัพย์สินเงินทองมากมายแเท่าไหร่มันก็แค่นั้น แต่ถ้าเราได้ทำความดี เราก็จะภูมิใจในการเป็นมนุษย์คนหนึ่ง”
- แพทย์หญิง ลลนา ก้องธรนินทร์ -
______________________________________________________________________
ที่มา : http://women.mthai.com/amazing-women/164821.html
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น