การกินสายกลาง เพื่อสุขภาพแข็งแรงแบบยั่งยืน

หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “กินสายกลาง” มาบ้างแล้ว แต่อีกหลายคนยังไม่เคยได้ยินเลยด้วยซ้ำ เคยได้ยินแต่คำว่าทางสายกลางเท่านั้น ความหมายของคำว่า “กินสายกลาง” คือ การกินแบบพอประมาณ กินแบบเกือบอิ่ม ขออีกเพียงแค่คำเดียวก็จะอิ่ม เป็นต้น หากยังไม่เข้าใจว่ากินเกือบอิ่มทำยังไงแน่ ขอให้ยึดถือตามแนวทางที่พระสงฆ์ปฏิบัติกันอยู่ คือ การกินสายกลาง คือ การกินอาหารวันละ 2 มื้อ โดยต้องกินมื้อเช้ากับมื้อเที่ยงเท่านั้น 




เพราะเนื่องมาจากร่างกายของเรา รับพลังงานจากอาหารมื้อเช้าเข้าไป ยังใช่ไม่ทันหมด มื้อเที่ยงก็กินเข้าไปอีกแล้ว ทำให้ยิ่งสะสมจนเกินพอดี หากงดกินอาหารมื้อเย็น ร่างกายก็จะนำพลังงานไปใช้จนหมด หรือเกือบหมดพอดีไม่มีเหลือค้าง แต่หากกินมื้อเย็นเพิ่มลงไปอีก ร่างกายไม่สามารถใช้พลังงานได้หมดอย่างแน่นอน แล้วพลังงานที่เหลือที่ร่างกายใช้ไม่หมด ก็จะไปตกค้างสะสมในร่างกาย จนเกิดเป็นโรคอ้วน และจะตกค้างอยู่ในหลอดเลือด ถ้าค้างสะสมมากขึ้น หลอดเลือดก็จะเล็กลงเรื่อยๆ เลือดก็เข้าไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ได้น้อยลง อวัยวะต่างๆ ก็จะเสื่อมเร็วขึ้น หรือแก่เร็วขึ้น จนกระทั่งอุดตันในที่สุด ถ้าอุดตันที่สมองก็จะเป็นโรคหลอดเลือดสมอง อาจกลายเป็นคนพิการ อัมพาตครึ่งซีก ถ้าอุดตันที่ไต ก็ต้องล้างไตหรือเปลี่ยนไต ถ้าอุดตันที่หัวใจ ก็อาจทำให้เสียชีวิตได้


วิธีฝึกการกินสายกลาง

1. ค่อยๆ ลดปริมาณอาหารเย็นลงทีละน้อยๆ
หากเรายังไม่คุ้นเคยกับการงดอาหารเย็นในทันที ให้ลองลดปริมาณอาหารเย็นลง เช่น ลดปริมาณข้าวลง จาก 2 จาน เหลือ 1 จาน ลดจำนวนทัพพีลง จาก 3 ทัพพี เหลือ 2 ทัพพี และที่สำคัญคือ หลังจากกินอาหารเย็นเสร็จแล้ว ห้ามกินอะไรอีกนอกจากน้ำเปล่าอย่างเดียวเท่านั้น พอกระเพาะเริ่มชินกับการทานน้อยลงแล้ว ก็ให้ลดปริมาณลงเรื่อยๆ จนไม่ต้องกินอาหารเย็นในที่สุด
2. ค่อยๆ ร่นเวลากินอาหารเย็นขึ้นมาเร็วขึ้น
นอกจากการลดปริมาณอาหารเย็นแล้ว ให้ค่อยๆ ร่นเวลากินอาหารเย็นขึ้นมาเร็วขึ้น เช่น จากเดิมกินอาหารเย็นตอนหกโมงครึ่ง ก็ให้ร่นขึ้นมาเป็นหกโมง แล้วค่อยๆ ร่นขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงเที่ยง ก็เท่ากับว่าทานแค่ 2 มื้อแล้ว
3. การกินเม็ดแมงลักแทนอาหารมื้อเย็น
โดยการนำเม็ดแมงลักที่สะอาดมาเข้าเตาอบ ตั้งอุณหภูมิที่ 120 องศา อบนาน 20 นาที ทิ้งไว้ให้เย็น และเก็บในภาชนะปิดสนิทเพื่อป้องกันความชื้น พอถึงอาหารมื้อเย็น ให้ตักเม็ดแมงลัก 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับอาหารประเภทน้ำ ไม่ว่าจะเป็นแกงจืด แกงกะทิ นมสด หรือน้ำหวานก็ได้ คนให้เข้ากันแล้วรีบดื่มทันที จากนั้นให้ดื่มน้ำตามอีก 4-5 ถ้วย
4. การกินมังสะวิรัตแทนอาหารเย็น
การกินผักและผลไม้อย่างต่อเนื่อง ดังเช่นเทศกาลกินเจ จะทำให้ร่ายกายได้พัก ไม่ต้องทำลายพิษของอาหารจากเนื้อสัตว์ พิษที่ถูกสะสมไว้ในตับ ไต ก็จะกำจัดหมดได้เอง และหากกินมังสะวิรัตมื้อเย็นแล้ว ร่างกายก็จะสามารถพิษจากเนื้อสัตว์ได้ 1 มื้อ ทำให้ร่างกายมีเวลากำจัดพิษจากเนื้อสัตว์มากขึ้น และจำกัดได้ดีขึ้น
กล่าวโดยสรุป คือ หากงดอาหารมื้อเย็น ร่างกายจะมีเวลาถึง 18 ชั่วโมงในการกำจัดสารพิษจากอาหารมื้อเข้า และมื้อเที่ยงได้หมด ร่างกายของเราก็จะบริสุทธิ์ ผิวพรรณก็จะผุดผ่องขึ้นทุกวัน และไม่ต้องกลัวว่าร่างกายจะขาดสารอาหาร เพราะได้รับจากมื้อเช้าและมื้อเที่ยงแล้ว
______________________________________________________________________
ที่มา : http://www.thaifooddb.com/healthy/eating_principle.html
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น