อีกแล้ว!! เตือนภัย ลูกค้าธนาคาร แม้ไม่ได้เปิด e-Banking ก็โดนขโมยเงินได้!

อีกแล้ว!! เตือนภัย ลูกค้าธนาคาร แม้ไม่ได้เปิด e-Banking ก็โดนขโมยเงินได้!



ขอบคุณที่มา:  www.it24hrs.com

จากเหตุการณ์ เตือนภัย Internet Banking รูปแบบใหม่!! ปลอมเป็นคุณ ด้วยหลักฐานปลอม สวมรอยโอนเงินออก สูญหลายแสน! ที่ เคยนำเสนอมาแล้ว….มาคราวนี้ ได้รับข้อมูลใหม่ จากผู้เสียหายอีกท่าน ที่ใช้บริการบัญชีออมทรัพย์ธนาคารเดี่ยวกันกับเคสที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แต่ คราวนี้ หนักกว่าเดิม! เพราะผู้เสียหายรายนี้ ไม่เคยมีบัญชี Internet Banking ด้วยซ้ำ! แต่โดนคนร้ายสวมรอยใช้เอกสารปลอม เปิดบัญชีใหม่แบงค์เดียวกัน แต่ต่างสาขา และคนร้ายก็ไปจัดการเปิดใช้ internet banking เอง ขโมยเงินเจ้าของบัญชีตัวจริงไป รวมกว่า 5 แสนบาท!!!
  
คุณเอ ไชยเดช ศิริวัฒนกุล ผู้เสียหายจากเหตุการณ์นี้ ได้ แจ้งความที่ สน.หาดใหญ่ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม หลังพบว่าบัญชีของตัวเองเงินหายไปกว่า 560,000 บาท ซึ่งทางผู้เสียหายได้ไปตรวจสอบกับธนาคารแห่งดังกล่าวสาขาใน อ.หาดใหญ่ ซึ่งเป็นสาขาที่เจ้าของบัญชีตัวจริงเปิดไว้   ใน ชื่อบัญชี ธนัท ศิริวัฒนกุล  (ซึ่งเป็นชื่อเก่าของเจ้าของบัญชี  ก่อนที่เปลี่ยนชื่อเป็น คุณชยเดช [ เมื่อ 14 มิย. 53 ] และเปลี่ยนชื่อเป็นคุณ ไชยเดช [เมื่อ 17 มิย. 53])


พบ ว่ามีคนร้ายไปสวมรอยเปิดบัญชีใหม่และเปิดบริการธนาคารบนอินเตอร์เน็ต (internet bangking) เมื่อวันทื่ 30 เมษายน  โดยเปิดที่ธนาคารเดียวกัน แต่คนร้ายไปเปิดที่สาขา กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร โดยหลักฐานการเปิดบัญชีนั้น คน ร้ายใช้เอกสารปลอมโดยยื่นบัตรข้าราชการ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ระดับ 7 อ.หาดใหญ่ ที่ระบุชื่อ นาย ชยเดช ศิริวัฒนกุล ให้กับเจ้าหน้าที่ธนาคาร   ซึ่งความจริงแล้วเจ้าของบัญชีตัวจริง คุณชยเดช  ศิริวัฒนกุล ไม่ได้รับราชการเลย     และเปลี่ยนชื่อจาก ชยเดช เป็น ไชยเดช เมื่อ 17 มิย 53     จากที่ทีมงานสัมภาษณ์ผู้เสียหาย เค้าให้สัมภาษณ์ว่า  คาดว่าคนร้ายทราบชื่อข้อมูลเราเป็น ชยเดช เลยทำบัตรราชการปลอมเป็นชื่อ ชยเดช ไว้ไปเปิดบัญชีธนาคาร

จากนั้นคนร้ายก็ขอเปิดใช้บริการ internet banking ด้วย! ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อคนร้ายเป็นคนเปิดใช้บริการ internet banking เอง… username และ password จึงเป็นสิ่งที่คนร้ายทราบแน่นอน เพราะเป็นคนเลือกเอง! ส่วนเบอร์มือถือสำหรับรับรหัส OTP (One time password) ที่ธนาคารจะส่งมาเข้ามือถือ ผ่านทาง SMS เพื่อให้รหัสอีกชั้นหนึ่งเวลามีการทำธุรกรรมการเงินผ่าน internet banking ก็ใช้เบอร์มือถือของคนร้าย (เพราะคนร้ายเป็นคนแจ้งเบอร์เอง)…


คราวนี้คนร้ายเข้า Login ผ่านทาง Internet Banking แล้วสั่งโอนเงินออกจากบัญชีไปได้อย่างสบายๆ เพราะได้ครบทั้ง username, password, OTP โดยขโมยเงินจากเจ้าของบัญชีตัวจริง ครั้งละ 100,000 บาท จำนวน 5 ครั้ง หลังจากนั้นคนร้ายก็สั่งโอนเงิน ขโมยอีกประมาณ 67,000 และยังสั่งโอนเงินทีละน้อยๆ   โดยที่เจ้าของบัญชีตัวจริงไม่รู้ตัว จนกระทั่ง มารู้ตัวว่าโดนขโมย เมื่อวันที่ 16พฤษภาคม  2556 และไปแจ้งความ ที่ สน.หาดใหญ่ และตอนนี้อยู่ในระหว่างตามจับคนร้าย


จะเห็นได้ว่าคนร้ายได้พยายามใช้ช่องทางใหม่ที่ไม่ใช่การขโมยเงิน แบบเก่าๆแล้ว จะใช้วิธีสวมรอยเป็นคุณ ขโมยเงิน เป็นวิธีที่โจรเลือกใช้ที่ฮิตและแนบเนียนมากขึ้น …. ลูกค้าที่ใช้บริการธนาคารต้องหมั่นตรวจสอบบัญชี และระมัดระวังในเรื่องหลักฐานส่วนตัวต่างๆเช่นสบัตรประชาชน  เป็นต้น และทางธนาคารเองต้องตรวจเฉพาะบัตรประชาชนตัวจริงเท่านั้น ไม่ใช่บัตรข้าราชการซึ่งสามารถปลอมแปลงได้ง่าย

“ในเมื่อกรณีแบบนี้ ก็จะเห็นได้ว่าลูกค้าไม่อาจจะป้องกันตนเองได้เลย แถมเกิดขึ้นกับใครก็ได้ แม้ไม่มีบัญชี e-banking …. คุณคิดว่า ธนาคาร ควรปรับปรุงระบบไหม? ”

______________________________________________________________________
ที่มา :  http://hitech.sanook.com/
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

แสดงความคิดเห็น

1 ความคิดเห็น

  1. ไม่ระบุชื่อ25/1/57 14:38

    คำว่ามิจฉาชีพ มีกันต่อไป น่ากลังจริงๆ คะ

    ตอบลบ

เรื่องเด็ด น่าคิด น่าชม ที่ทุกที่ ทุกเวลา เรื่องเด็ด น่าคิด น่าชม ที่ทุกที่ ทุกเวลา 108thinks.blogspot.com